"...310 เสียงเป็นหมุดหมายสำคัญที่เราจะร่วมสู้ร่วมก้าวกันต่อไป เพื่อให้ได้รัฐบาลของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง..."
"นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566
ตามมาด้วย "แพทองธาร ชินวัตร" ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรค พท.และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศเป็นรัฐบาลพรรคเดียวว่า จริงๆ อยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกล้มด้วย ส.ว. ไม่สามารถถูกแต่งตั้งนายกฯ ได้ด้วย ส.ว. เราอยากเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งนายกฯ ได้โดยประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างที่เคยพูดไว้ทุกเวที
"... 310 เสียงเป็นเรื่องใหญ่มาก ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค คุณเศรษฐา ทวีสิน และทุกคนต้องช่วยกันทุกจุด เราไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว เพราะนี่คือการใหญ่มากๆ เราต้องเดินหน้าเต็มที่..." แพทองธาร กล่าว
ตัวเลขปั่นกระแสในตอนนี้จากแกนนำ "พรรคเพื่อไทย" เป็นการปลุกใจแฟนคลับว่าอย่าปันใจเพราะกระแสนี้น่าจะมาจากโพลล์หลากสำนักที่ให้แต้มลูกสาวคนเล็กของคนแดนไกลกับกระแส"เพื่อไทย"ยังนำโด่งทิ้งคู่แข่ง
แต่สิ่งที่สังคมให้ราคามากกว่า คือ ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่สาม!!!
แม้วันนี้ "พรรคเพื่อไทย" ยังไม่โยนชื่อว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่สามออกมา หลังจากเปิดชื่อ "แพทองธาร ชินวัตร" และ "เศรษฐา ทวีสิน" ออกมาให้สังคมรับรู้แล้ว แต่มีคำถามตามมาเหมือนกัน แล้ว"แคนดิเดตนายกฯคนที่สาม"จะเป็นใคร
เพราะภายหลังการเปิดสองผู้เล่นคนสำคัญ ซึ่งแม้พรรคจะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นสองแคนดิเดตนายกฯ แต่ดูเหมือนว่าขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้าม ขุดคุยเบื้องหน้าเบื้องหลัง ส่งเข้าเครื่องสแกนหาริ้วรอยจุดอ่อนเพื่อไทยไว้รอแล้ว
ทำให้ตอนนี้จึงมีกระแสว่านายใหญ่ ,นายหญิงแห่งจันทร์ส่องหล้า เตรียมการชงชื่อ "นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช" อดีตเลขาธิการนายกฯ อดีตรองนายกฯ อดีตรมว.พลังงานสมัยรัฐบาลไทยรักไทย
ขณะนี้ "หมอมิ้ง" สวมหมวกประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ที่มีขุนพลร่วมคือ "พันศักดิ์ วิญญรัตน์" "ปานปรีย์ พหิธานุกร" "ศุภวุฒิ สายเชื้อ" และ"เศรษฐา ทวีสิน" เป็นคลังสมอง กระแสตอบรับจากโพลล์ต่างๆ พบว่า สังคมยอมรับทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยในลำดับต้นๆและเหนือกว่าพรรคอื่นๆ
บางช่วงเวลาของการเดินสายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ตอนนี้จะเห็นภาพ"หมอมิ้ง"ลงพื้นที่คู่กับ "อุ๊งอิ๊งค์" (จ.เชียงใหม่,เชียงราย) ซึ่งคอการเมืองมองว่าหาก"หมอมิ้ง"ลงพื้นที่เองและการให้สัมภาษณ์สื่อหลากสำนักเพื่ออธิบายแนวนโยบายพรรคแบบนี้ แปลว่า เสือออกจากถ้ำแล้ว มีโอกาสสูงที่ "หมอมิ้ง" คือไพ่ใบที่สามในมือของคนแดนไกลที่จะโยนออกมาในวินาทีท้ายๆเพื่อเรียกกระแส
การวาง"แคนดิเดตนายกฯ"ของเพื่อไทย ถือเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่ง ตามสไตล์คนแดนไกล เป็นวิธีเลือกสลับไพ่เล่นพร้อมจับจังหวะเปิดออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ไพ่แต่ละใบ ชวนให้วิเคราะห์ตาม จากแคนดิเดตคนแรกคือ "อุ๊งอิ๊งค์" สื่อความถึง"ชินวัตรแฟมิลี่รุ่นที่สี่" และเป็นลูกสาวคนเล็กของ "โทนี วู้ดซัม" แบรนด์นี้ยังขายได้ในพื้นที่หลักของเพื่อไทยบนเป้าหมายแลนด์สไลด์
ตามมาด้วยการชู"เสี่ยนิด"ในฐานะแคนดิเดตนายกฯคนที่สองในฐานะนักธุรกิจและสายตรงของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหญิงคนแรก แม้มีเหตุผลประกอบ ผ่านการให้สัมภาษณ์ของ "ดร.แจ๋น" พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานประสานงานภาคกทม.พรรคเพื่อไทย เพื่อหวังผลต่อสนามเลือกตั้งเมืองหลวง ที่มีอุ๊งอิ๊งค์ เป็นภาพคนรุ่นใหม่ด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมเคียงคู่กับ ผู้นำพัฒนาเศรษฐกิจอย่าง "เศรษฐา ทวีสิน"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
แต่สำหรับ "ไพ่ใบที่สาม"ที่คนแดนไกลยังกั๊กไว้และจะเฉลยวันที่มีการประกาศ"ยุบสภา" ย่อมมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่า แน่นอน"หมอมิ้ง" เป็นบุคคลที่คนแดนไกลไว้วางใจในระดับต้นๆระดับขอบวงแหวนชั้นในของชินวัตรแฟมิลี่
เมื่อเทียบกับบุคคลที่เหลือในพรรคยามนี้ หรือแม้แต่การคาดหมายว่า ควรเป็น"นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว"แต่วงในรับรู้กันดี หรือถ้ากล่าวกันตรงๆ "ยังไม่ถึงชั้น"อาจต้องต่อแถวอยู่ลำดับที่ 4 หรือ นอกบัญชีแคนดิเดตนายกฯกันเลยทีเดียว
ดังนั้น หากคนแดนไกลยืนยันว่า "หมอมิ้ง" ต้องลงสนามคงต้องบอกได้เลยว่า นี่คือ ตัวสำรองของจริงที่ถูกซ่อนไว้ เพื่อรองรับสถานการณ์จากเหตุไม่พึงประสงค์ต่อ "หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย" และ"ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย" ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
กรณี"อุ๊งอิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของคนแดนไกลนั้น ต้องยอมรับกันตรงๆว่า ชั่วโมงบินยังไม่ถึงชั้น และด้วยความเป็นสายเลือดของคนแดนไกลที่อาจทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมวางใจไม่ได้เต็มที่
ส่วน"เสี่ยนิด"มีผู้ขอจองกฐินตรวจสอบกันตั้งแต่หัววัน อย่างน้อย "จตุพร พรหมพันธุ์" อดีตประธานนปช. ระบุไว้ทันทีที่"เศรษฐา"ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทยและตกเป็นข่าวหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ว่า "นายเศรษฐา มาก็จะมีแผลอีกแผลใหม่เยอะแยะมากมาย จะเป็นสตอรี่เรื่องราวที่นายเศรษฐาไม่คาดคิด
กอปรกับ"ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์" ขู่กลายๆว่ารู้จักและกุมความลับของ "เศรษฐา" ไว้ และยังรู้ด้วยว่าข้างกายของ"เศรษฐา" มีคนๆหนึ่งถ้าพูดชื่อนี้ทั้งวงการหุ้น "ขนลุก" คนๆ นี้เป็น"ขงเบ้ง" อยู่เบื้องหลังให้คำปรึกษา"เศรษฐา"
นอกจากนั้น "จตุพร"ยังกล่าวในกรณีคนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี (ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดได้เลย ถือเป็นบุคคลภายนอกพรรคการเมือง จะมีโอกาสได้เพียงเป็นผู้ช่วยหาเสียงเท่านั้น "ดังนั้น การให้สัมภาษณ์ ปราศรัยจะต้องระวัง ยิ่งเคยศึกษาเรื่องนี้ยังถูกร้องครอบงำจึงมีบทเรียนโดยตรงมาแล้ว"
พร้อมย้ำว่า "การเป็นบุคคลภายนอกมีความละเอียดอ่อนต่อการพูดหาเสียง และที่สำคัญอย่าพูดต่อหน้ากรรมการบริหาร หรือกรรมการบริหารไม่ห้ามปราม หรือพูดนอกเหนือจากมติกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะเข้าข่ายการครอบงำ"
ดังนั้น จุดหลักคำร้อง"การยุบพรรค"จะอยู่ตรงนี้ เช่น การพูดจะให้ใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ ขณะที่พรรคยังไม่มีมติใดๆ จึงควรไปศึกษาว่าเป็นการครอบงำหรือไม่
ตรงนี้หล่ะ! จะเป็นการบ้านข้อสำคัญที่ขัดขวาง"เพื่อไทย"ไม่ให้แตะตัวเลข 310 ส.ส.และอาจทำให้รายชื่อแคนดิเดตนายกฯคนที่สามหมดความน่าสนใจหรือไม่ ชวนให้ติดตามเคียงข้างกันไป