จากกรณี "นายตั้ม" หรือ "หนุ่มหมัดหนัก" ก่อเหตุชกต่อยคนที่ไปร่วมงานฉลองพัดยศของวัดบ้านไร่ ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ซึ่งภายในงานมีการจ้างรถแห่มาร่วมเฉลิมฉลอง โดยระหว่างนั้น นายตั้ม ได้เข้าไปชกต่อยผู้ที่อยู่บริเวณหน้ารถแห่ รวมถึงพลเมืองดี และเจ้าหน้าที่ที่พยายามเข้าไปห้ามปราม ส่งผลมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ถูกนายตั้ม ชกจนสลบทั้งหมด 5 ราย โดย 1 ในนั้น เป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาการโคม่า ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถไปควบคุมตัวนายตั้ม ได้ที่บ้านพักภายในคืนวันที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวไปสอบปากคำที่ สภ.พรรณานิคม
3 มกราคม 2567 เวลา 09.20 น. ความคืบหน้า ที่ สภ.พรรณานิคม ภายหลังตำรวจควบคุมตัว นายวัชราวุธ (สงวนนามสกุล) หรือ "นายตั้ม" อายุ 34 ปี ไปสอบปากคำ ซึ่งยอมรับเมื่อวานนี้ ( 2 ม.ค.68) ว่า ได้ดื่มเหล้า และเสพสารเสพติด ก่อนไปก่อเหตุชกต่อยชาวบ้าน จนได้รับบาดเจ็บ 5 ราย โดย 1 ในนั้นมีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย คือ นายสมชาย ฟองอ่อน อายุ 44 ปี ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)
โดยช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว "นายตั้ม" ขึ้นรถตำรวจ เพื่อเดินทางไปพบแพทย์ ที่โรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัย และประเมินอาการสุขภาพจิต เพื่อใช้ในการประกอบสำนวนคดี ซึ่งจากการสอบถาม พนักงานสอบสวนฯ เจ้าของคดี ให้ข้อมูลว่า ภายหลังได้รับการยืนยันจากทางอำเภอพรรณานิคมแล้วว่า นายสมชาย ฟองอ่อน อายุ 44 ปี เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ขณะนี้ อาการสาหัส โดยจากการตรวจสอบในช่วงเช้านี้ ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น จึงเตรียมแจ้งข้อหากับผู้ก่อเหตุ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน เพิ่มอีก 1 ข้อหา และจะต้องนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดสกลนคร ภายในวันนี้ เนื่องจากจะครบอำนาจควบคุมตัวได้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ทาง พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร ได้ติดตามและกำชับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยสั่งให้ดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.อัษดิน สมศรี รอง ผบก.จ.สกลนคร เปิดเผยว่า เมื่อปี 2545 ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหารายนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ในข้อหาทำร้ายร่างกาย และขัดขืนการจับกุม โดยหลังจากที่พ้นโทษออกมา เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2566 ทางตำรวจได้พยายามติดตามพฤติกรรมมาโดยตลอด จนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้หวนกลับไปเสพสารเสพติด จนทำให้มีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว และมีอาการทางจิตหลายๆ ครั้งก็เกิดอาการคุ้มคลั่ง จนกระทั่งในวันเกิดเหตุ ผู้ต้องหารายนี้ ได้เสพยาเสพติด พร้อมกับดื่มสุรา จนทำให้เกิดภาพหลอน ว่ามีคนจะมาตามฆ่า จึงได้ลงมือก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2564 และ 2565 ทางตำรวจภูธรภาค 4 ได้จัดทำโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะบุคคลที่เสพยาเสพติด ซึ่งนายวัชรา หรือ "นายตั้ม" ก็ถูกขึ้นบัญชีอยู่ในกลุ่มสีแดง ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงในการก่อเหตุความรุนแรง จนกระทั่งตำรวจได้เข้าไปตรวจเยี่ยม และพบว่ามีการใช้สารเสพติด จึงได้ทำการจับกุมดำเนินคดี จนกระทั่งเมื่อพ้นโทษออกมา ก็ได้มาก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า "นายตั้ม" ยังไม่เคยเข้ารับการบำบัดแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เวลา 10.00 น. นายกฤษฎา โลหิตดี หรือ "ทนายโนบิตะ" จะนำครอบครัวของนายสมชาย และผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายประทีป งามเจริญ 36 ปี ถูกนายตั้มชกแบบไม่ทันตั้งตัว มีบาดแผลแตกที่คิ้วขวาต้องเย็บถึง 13 เข็ม และนายศุภพล พรหมสิทธิ์ อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่ ชรบ. ถูกนายตั้มชก มีบาดแผลแตกที่หางคิ้วซ้ายต้องเย็บ 2 เข็ม เข้าพบกับ พล.ต.ต.สมจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร เพื่อขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับการลงพื้นที่ของ "ทนายโนบิตะ" สืบเนื่องจากมีคอมเมนต์แท็กขอความช่วยเหลือไปยังเพจ “กัน จอมพลัง” จากนั้น "กัน จอมพลัง" ได้มอบหมายให้ "ทนายโนบิตะ" ที่กำลังติดตามคดีของ "แบงค์เลสเตอร์" อยู่ที่อุดรธานี ให้มาช่วยเหลือผู้เสียหายทั้งหมด ทั้งด้านคดีและการรักษาเยียวยา
โดยเมื่อวานนี้ ( 2 ม.ค.2568) ได้มีการประสานไปยังผู้บังการตำรวจภูธรสกลนครให้ช่วยดูเรื่องคดี และประสานกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลเรื่องรักษาพยาบาล อย่างไรก็ตาม หากพิสูจน์แล้วพบว่าสาเหตุเกิดจากยาเสพติดก็ต้องมีการดำเนินการกวาดล้าง ซึ่งอยากให้ฝ่ายปกครองเข้ามาดูในส่วนนี้ด้วย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ ชรบ.ก็เป็นผู้ที่เสียสละอยู่แล้วค่าตอบแทนก็น้อย แต่ต้องมาประสบเหตุเช่นนี้ โดยผู้บาดเจ็บสาหัส ขณะนี้มีภาวะเลือดออกในสมอง อยู่ในสถานะเป็นตายเท่ากัน ซึ่งจะได้คุยกับหมอว่ามีแนวทางการรักษา หรือมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะได้มีการประสานไปทางกระทรวงสาธารณสุขเพื่อขอความช่วยเหลือ
ด้านนางพัท น้องสาวของ นายสมชาย (ชรบ.) ที่บาดเจ็บสาหัส เปิดเผย อาการล่าสุดที่หมอแจ้งให้ทราบว่า ตอนนี้พี่ชายยังไม่เสียชีวิต แต่ไม่มีสติ ไม่รู้สึกตัว ยังคงอยู่ในความดูแลใกล้ชิดของหมอ แต่หมอได้บอกให้ญาติทำใจ เพราะพี่ชายไม่มีอาการตอบสนองใดๆ อยู่ในสถานะเจ้าชายนิทราแล้ว แม้มีปาฏิหาริย์รอดชีวิตก็คงเป็นเจ้าชายนิทรา
ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ นายสมชาย (ชรบ.) ได้พยายามเข้าไปห้ามปรามนายตั้ม ก่อนถูกนายตั้ม เตะเข้าที่ก้านคอ 1 ครั้ง จนนายสมชาย ยืนเซ จากนั้น นายสมชาย ก็ยังพยายามเข้าไปห้ามปราม นายตั้ม ให้หยุดก่อเหตุทำร้ายผู้อื่น จนกระทั่งถูกชกจนล้มลงหัวฟาดพื้นเสียเลือดมาก