svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ทั่วไทย

โชเฟอร์สารภาพ เถ้าแก่สั่งขับรถบัสไปโคราช ปัดไม่รู้เรื่องถอดถังก๊าซหนีผิด

โชเฟอร์รับสารภาพ เถ้าแก่สั่งขับรถบัสไปโคราช ปัดไม่รู้เรื่องถอดถังก๊าซหนีผิด พร้อมเผยนาทีสลด ทำภาพติดตามขอเลิกขับรถบัสตลอดชีวิต ขณะที่ขนส่งสิงห์บุรีตรวจซ้ำรถบัสทั้งห้าคันของชินบุตร พบติดตั้งถังก๊าซเกินทุกคัน สั่งห้ามใช้ทันที

4 ตุลาคม 2567 ความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบรถบัส ในเครือชินบุตรทัวร์ ที่ สำนักงานขนส่งสิงห์บุรี ภายหลังจากที่เมื่อวาน (3 ต.ค.) มีความพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมมาตรวจสภาพตามที่ได้นัดหมาย แถมยังพยามยามถอดถังก๊าซ ที่มีการติดตั้งเกินออกที่อู่แห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถไปควบคุม และนำรถบัสทั้งหมด ไปตรวจสอบที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ก่อนจะให้เจ้าของนำกลับมาที่ จ.สิงห์บุรี
โชเฟอร์สารภาพ เถ้าแก่สั่งขับรถบัสไปโคราช ปัดไม่รู้เรื่องถอดถังก๊าซหนีผิด

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ขนส่งสิงห์บุรี ได้ประสานให้ผู้ประกอบการให้นำรถบัสทั้ง 5 คัน เข้าตรวจสภาพอีกครั้งที่สำนักงานขนส่งสิงห์บุรี จนประทั่งเวลา 12.30 น. รถบัสทะเบียน 300412 โดยมีชื่อผู้ถือครองคือ นายจิรภัทร ชินบุตร ได้เดินทางมาถึง ยังสำนักงานขนส่งสิงห์บุรี ช่างได้ทำการตรวจสภาพพบว่า รถบัสคันดังกล่าวได้มีการติดตั้งถังก๊าซจำนวน 11ถัง ที่บริเวณด้านหน้า 4 ถัง ช่วงกลางรถ 1 ถังและช่วงท้าย 6 ถัง

เวลา 14.06 น. รถบัสทะเบียน 300357 ซึ่งเป็นรถคันแรกในขบวนวันเกิดเหตุ มีชื่อผู้ถือครองคือ นางสาวกนิษฐา ชินบุตร ซึ่งรถคันดังกล่าวมีการติดถังก๊าซจำนวน 11 ถัง ด้านหน้า 3 ถัง ช่วงกลางรถ 3 ถัง และช่วงท้ายรถ 5 ถัง จากการตรวจสอบพบว่า ถังก๊าซบางส่วนมีการเชื่อมต่อกับวาล์วตามปกติ แต่ก็มีถังก๊าซอีกส่วนหนึ่ง ถูกถอดออกจากท่อส่งก๊าซภายในรถ

ลักษณะคล้ายกับพยายามถอดถังก๊าซส่วนที่เกิดออก แต่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบได้เสียก่อน นอกจากนี้ในช่วงหนึ่งของการตรวจสอบพบว่า มีเสียงก๊าซไหลออกมาจากถัง จึงได้ให้คนขับรถเข้าไปดูพบว่า เป็นการปิดวาล์วก๊าซไม่สนิท ทำให้มีก๊าซรั่วไหลและส่งกลิ่นเหม็น 
โชเฟอร์สารภาพ เถ้าแก่สั่งขับรถบัสไปโคราช ปัดไม่รู้เรื่องถอดถังก๊าซหนีผิด
 

เวลา 14.58 น. รถบัสทะเบียน 30-0427 มีชื่อผู้ถือครองคือ นายทรงวิทย์ ชินบุตร รถคันนี้ได้มีการติดก๊าซทั้งหมดจำนวน 11 ถัง

เวลา 15.43 น. รถบัสทะเบียน 30-0438 มีชื่อผู้ถือครองคือ นายณัฐพล ธรรมวิโรจน์ศิริ รถดังกล่าวนั้นเป็นรถคันที่ 3 ของขบวน ในวันเกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบมีถังก๊าซ ที่ยังคงติดตั้งอยู่ภายในรถ 9 ถัง ประกอบไปด้วย ช่วงหน้ารถ 2 ถังช่วงกลางรถ 1 ถังและช่วงท้ายรถ 6 ถัง นอกจากนี้ยังพบว่า มีร่องรอยการถอดถังก๊าซออกไปอีกจำนวน 2 ถังประกอบไปด้วยด้านหน้า 1 ถังและช่วงกลาง 1 ถัง รวม 11 ถัง

ต่อมาเวลา 16.29 น. รถบัสทะเบียน 300411 มีชื่อผู้ปกครองคือ นางสาวปาณิสรา ชินบุตร จากการตรวจสอบพบ มีถังก๊าซที่อยู่บริเวณท้ายรถจำนวน 5 ถัง และมีร่องรอยการถูกถอดถังก๊าซออกไป ตรงช่วงกลางรถอีก 2 ถัง
โชเฟอร์สารภาพ เถ้าแก่สั่งขับรถบัสไปโคราช ปัดไม่รู้เรื่องถอดถังก๊าซหนีผิด

ซึ่งการตรวจสอบในครั้งนี้ ได้ใช้ช่างชุดใหม่ของ สำนักงานขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี  โดยจะมีการตรวจสอบ ในส่วนของถังก๊าซ ทั้งหมดรวมไปถึงสภาพและวันหมดอายุ นอกจากนี้ก็จะมีการตรวจสอบในเรื่องของประตูฉุกเฉิน ที่เคาะกระจก รวมไปถึงถังดับเพลิงที่อยู่ภายในรถด้วย โดยรถบัสทั้งหมดเมื่อผ่านการตรวตสอบจะถูกพ่นทับด้วยสีแดง ที่บริเวณหน้ารถ โดยมีข้อความว่า "ห้ามใช้" คำสั่ง ผู้ตรวจการ กรมขนส่งทางบกกระทรวงคมนาคม"
 

ทางทีมข่าวได้รับการเปิดเผยจากกรมขนส่งทางบกว่า การพ่นทับด้วยสีสเปรย์ว่าห้ามใช้  ไม่ได้เป็นการยึดรถ แต่อย่างใด เนื่องจากกรมขนส่งทางบกไม่มีอำนาจในการยึดรถ แต่การพ่นสีสเปรย์ เพื่อให้รู้ว่าไม่สามารถนำรถ ดังกล่าวไปใช้งานได้ จนกว่าจะมีการปรับปรุงให้ลดเป็นไปตาม ระเบียบของกรมขนส่ง เมื่อผู้ประกอบการ ปรับปรุงให้ลดเป็นไปตามระเบียบขนส่งก็สามารถนำ รถดังกล่าวมาตรวจสภาพใหม่อีกครั้ง หากเป็นไปตามระเบียบ จึงจะสามารถลบข้อความสีแดง ที่อยู่บริเวณหน้ารถออกไปได้ 
โชเฟอร์สารภาพ เถ้าแก่สั่งขับรถบัสไปโคราช ปัดไม่รู้เรื่องถอดถังก๊าซหนีผิด

ส่วนกรณีรถของ นางสาวปาณิสรา ชินบุตร ทางกรมขนส่งทางบกได้ทำการยึดใบประกอบการของนางสาวปาณิสรา ชินบุตร เรียบร้อยแล้ว ทำให้ในเบื้องต้น รถบัสที่ นางสาวปาณิสรา ชินบุตร ถือครองจะไม่สามารถใช้งาน หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หรือเข้าตรวจสภาพใหม่ได้ ทางเจ้าตัวจึงแจ้งความประสงค์ว่า จะขอให้จอดรถบัสดังกล่าว ไว้ที่ สำนักงาน ขนส่งจังหวัดสิงห์บุรีก่อน

คนขับรับเถ้าแก่สั่งขับรถบัสไปโคราช ปัดไม่รู้เรื่องถอดถังก๊าซหนีผิด

ระหว่างที่มีการตรวจสภาพรถดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายสานนท์ อายุ 55 ปี คนขับรถบัสของบริษัทชินบุตรทัวร์ ซึ่งเป็นคนขับรถบัสคันที่ 3 ในขบวนรถทัศนศึกษาวันเกิดเหตุ นายสานนท์เล่าว่า ตนขับรถให้บริษัทนี้มาประมาณสองปี ก่อนออกเดินทางมีการตรวจเช็ครถเบื้องต้นเสมอ เช่น ลมยาง ประตูทุกบาน รวมถึงประตูฉุกเฉิน และตรวจเช็คว่า ถังก๊าซเต็มหรือไม่ ทุกอย่างอยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ นอกจากนี้ เถ้าแก่ยังนำรถไปตรวจตามระยะที่กำหนดเสมอ

นายสานนท์ เปิดเผยว่า รถของตนมีประตูลมที่สามารถปล่อยลมออกในกรณีฉุกเฉินเพื่อเปิดประตูได้เอง แต่สำหรับรถบัสที่เกิดเหตุนั้น การควบคุมประตูจะต้องทำจากที่นั่งคนขับเท่านั้น ในวันเกิดเหตุ ตนขับรถเป็นคันที่สามในขบวน และได้เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดขึ้น โดยขณะนั้นรถบัสคันที่เกิดเหตุซึ่งขับอยู่ด้านหน้า ได้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้น จากนั้นรถเกิดการสะบัดและเฉี่ยวชนกับรถเก๋ง ก่อนจะชนกับแบริเออร์จนล้อแบะออกทั้งสองข้าง ทำให้รถเสียการควบคุม จากนั้นไฟก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจากด้านหน้า

นายสานนท์ เล่าว่า หลังรถหยุดลง คนขับรถคันแรกรีบลงมาช่วย ตนเองก็วิ่งไปช่วยเหลือ และได้รับบาดเจ็บจากเปลวไฟเล็กน้อย ขณะเกิดเหตุ นายสมาน คนขับรถคันที่เกิดเหตุ ได้เข้ามาช่วยเหลือเด็กๆ และมาขอถังดับเพลิงจากรถตนเพื่อไปดับไฟ ภายหลังได้ทราบว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้มาจากเพลาหัก ทำให้ล้อแบะออกและไม่สามารถควบคุม รถได้จนเกิดประกายไฟ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ยากจะควบคุม

เมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการถอดถังก๊าซที่โคราช นายสานนท์ ยืนยันว่า ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะการขับรถไปโคราชนั้น เป็นไปตามคำสั่งของเถ้าแก่เจ้าของบริษัท และไม่รู้ว่ามีการถอดถังก๊าซออกหรือไม่ เนื่องจากตนไม่ได้เช็กถังก๊าซ มีกี่ถัง เวลาขับรถก็เพียงแค่ดูไมล์เติมแก๊สเต็มถังเท่านั้น

นายสานนท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้ ตนจะเลิกขับรถทัวร์ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทนี้หรือบริษัทใดก็ตาม เพราะรู้สึกหวาดกลัวและสงสารเด็กๆ ที่ต้องเสียชีวิต ภาพเหตุการณ์ยังคงติดตา
นายสานนท์ คนขับรถบัสคันที่ 3 ในวันที่เกิดเหตุ โชว์สภาพบาดเผลจากไฟไหม้