svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวทั่วไทย

ลูกทาสยาคลั่ง ฉุนขอเงินไม่ได้ คว้าจอบสังหารแม่บังเกิดเกล้า ดับอนาถ

สลด ลูกทาสยา "มาตุฆาต" แม่บังเกิดเกล้าดับอนาถ หลังคลั่งขอเงินเพิ่ม 300 บาท เพื่อไปซื้อยามาเสพไม่ได้ ยกกระถางปลูกต้นไม้ทุบ คว้าจอบตีซ้ำ จนเสียชีวิต เผยเข้าบำบัดแล้ว 4 รอบ ล่าสุดเพิ่งออกมาได้ 3 วัน ก่อนมาก่อเหตุ

วันที่ 5 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.67) เวลาประมาณ17.45 น. เกิดเหตุสะเทือนขวัญ เมื่อลูกทรพีขอเงินแม่บังเกิดเกล้าไม่ได้ ก่อนใช้กระถางต้นไม้ทุบ และใช้จอบฟันหัวแม่ซ้ำจนเสียชีวิต ตำรวจชุดสืบตามจับได้ขณะปั่นจักรยานหนี 

เหตุการณ์ดังกล่าว ร.ต.อ.สถาพร ดวงสี ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งลูกชายใช้จอบทำร้ายร่างกายแม่จนเสียชีวิต ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนลงพื้นที่ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ฤทธิชัยปกรณ์ ดำรงค์อิทธิสกุล รอง ผกก.สส.สภ.เมือง พ.ต.ต.สำราญ บัวเย็น สว.สส.พร้อมชุดสืบสวน 
ลูกทาสยาคลั่ง ฉุนขอเงินไม่ได้ คว้าจอบสังหารแม่บังเกิดเกล้า ดับอนาถ

ที่เกิดเหตุพบนางประไพ แซ่อึ้ง อายุ 54 ปี สภาพสวมเสื้อยืดแขนยาวสีแดง ใส่กางเกงวอร์มขายาวสีกรมท่า นอนคว่ำหน้ามีบาดแผลถูกของมีคมฟันที่ศีรษะด้านหลัง เสียชีวิตอยู่บริเวณสวนข้างบ้าน ใกล้กันพบจอบ และกระถางต้นไม้ที่แตกเปื้อนเลือดตกอยู่ จากการสอบถามญาติทราบว่า คนก่อเหตุเป็นลูกชาย ชื่อนายนิรัช บุตรมา อายุ 32 ปี หลังก่อเหตุได้่ปั่นรถจักรยานหลบหนีไป โดยก่อนก่อเหตุสลด ได้ยินเสียงลูกชายโวยวาย อาละวาดเสียงดัง และพยายามขอเงินแม่ไปซื้อยา คงขอเงินไม่ได้เลยก่อเหตุ 
ลูกทาสยาคลั่ง ฉุนขอเงินไม่ได้ คว้าจอบสังหารแม่บังเกิดเกล้า ดับอนาถ

ต่อมา ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายนิรัช ผู้ก่อเหตุได้ ขณะกำลังปั่นรถจักรยานหลบหนี ซึ่งห่างจากถนนสายหลักประมาณ 5 กม. และนำตัวมาที่ สภ.เมืองนครปฐม เพื่อรอให้อาการคลั่งสงบลงก่อนเข้าสู่กระบวนการสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นมีรายงานว่า นายนิรัช ติดยาเสพติดหนักมาก เคยเข้ารับการบำบัดแบบสมัครใจ 4ครั้ง และล่าสุดเพิ่งกลับจากการบำบัดมาได้ 3-4 วัน ก็มาก่อเหตุสลดนี้

ลูกทาสยาคลั่ง ฉุนขอเงินไม่ได้ คว้าจอบสังหารแม่บังเกิดเกล้า ดับอนาถ

ขณะที่ นายสุวัฒน์ ปฐมพงษ์สิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุติดยาเสพติด และมักมีพฤติกรรมรุนแรง ทำลายข้าวของ ก่อนหน้านี้ ผู้ตายเคยไปปรึกษาหลายครั้ง แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ลูกชายก็ถูกจับไปหลายครั้ง ติดคุกไม่นานก็ปล่อยออกมา ก่อนจะมาก่อเหตุครั้งนี้ ติดคุกได้ 3 วัน หลังได้รับการปล่อยตัว ก็มาขอเงินชาวบ้าน ทุบทำลายข้าวของ ทุบศาลเจ้า ครั้งนี้คาดว่า น่าจะเกิดอาการหลอน จึงได้ทำร้ายแม่ตัวเอง

ด้าน "ป้าน้อย" (นามสมมติ) แม่เลี้ยงกล่าวว่า ผู้ก่อเหตุเพิ่งกลับมาจากบำบัดยาเสพติดได้ 2-3วัน และบ้านหลังที่เกิดเหตุมีผู้ตายกับผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คนเท่านั้น ตนและพ่อของผู้ก่อเหตุอยู่ด้านใน ทุกวันผู้ตายจะออกไปเปิดร้านนวดแผนโบราณใกล้ตลาด และช่วงเย็นจะนำข้าวมาให้ลูกชายเป็นประจำ ตนไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หลังจากเกิดเหตุ ได้มีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์รีบโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลให้มาช่วยชีวิต แต่ไม่ทันการณ์ นางประไพ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 

"เจ๊รัตน์" อาชีพเสริมสวย เปิดร้านติดกับร้านนวดแผนโบราณของผู้ตายได้ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตเคยมาเล่าให้ฟังว่า ลูกไปบำบัดยาเสพติดอยู่แถวพุทธมณฑลสาย 4 และก่อนเกิดเหตุประมาณ 2-3 วัน ผู้เสียชีวิตเล่าให้ฟังว่าลูกชายจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว ลูกชายหายดีแล้ว ทางผู้เสียชีวิตดีใจมากที่ลูกจะกลับมา และวันที่เกิดเหตุ นางประไพ ได้ปิดประตูร้านและเดินไปที่ตลาด เพื่อที่จะซื้อข้าวไปให้ลูกชาย หลังจากนั้นตนก็ได้รับแจ้งว่า นางประไพ ได้เสียชีวิตแล้วจึงมาดู ไม่คิดว่าลูกชายจะฆ่าแม่ได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ 

ลูกทาสยาคลั่ง ฉุนขอเงินไม่ได้ คว้าจอบสังหารแม่บังเกิดเกล้า ดับอนาถ

จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุจริง เพราะโมโหที่ขอเงินแม่แล้วแม่ไม่ให้ จึงใช้กระถางทุบ และจอบฟันแม่จนแม่เสียชีวิต และให้การรับสารภาพว่า ก่อนก่อเหตุได้เสพยาจำนวน 2 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาตรวจหาสารเสพติด และนำตัวเข้าห้องขัง เพื่อทำการสอบในวันนี้ ( 5 ก.ย.67) เนื่องจากผู้ต้องหาให้การ วกวน 

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ฆ่าบุพการี (คือ ผู้สืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไป เช่น พ่อ แม่) , เสพยาเสพติดชนิดยาบ้า