จากเหตุการณ์เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ของวันที่ 2 ก.ย.2567 นางวิภารัตน์ ยลนาวา อายุ 54 ปี ผู้เสียหายได้เดินตกท่อระบายน้ำบนทางฟุตบาท บริเวณริมถนนเศรษฐกิจ ใกล้กับหน้าบ้านของตนเอง ซึ่งท่อระบายน้ำที่มีความกว้างประมาณ 1 เมตรกว่า ลึกจากพื้นถนนลงไปประมาณ 2 เมตรเศษ ระดับน้ำในท่อสูงขึ้นมาเกือบ 1 เมตรนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 3 กันยายน 2567 เวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าหลังเกิดเหตุทางเทศบาลนครสมุทรสาคร ได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นไว้โดยรอบ ส่วนช่องที่แผ่นปูนแตกหักลงไปพร้อมกับผู้บาดเจ็บนั้น ได้มีการนำแผ่นไม้กระดาน 3 แผ่นมาวางปิดไว้ก่อน เพื่อรอการซ่อมแซมต่อไป
ขณะที่ นางวิภารัตน์ ผู้บาดเจ็บบอกว่า ตนเองเดินผ่านที่เกิดเหตุทุกวัน ทั้งเอาขยะไปทิ้งตรงถังขยะที่ตั้งอยู่ติดกับฝาท่อ และไปซื้อของร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน โดยวันเกิดเหตุตนเองเดินออกไปซื้อของ ซึ่งก็ต้องเดินผ่านตรงท่อระบายน้ำที่เกิดเหตุ ตอนเดินไปก็ไม่มีอะไร แต่พอเดินกลับมาก็เดินทางเดิมเพราะเป็นทางผ่านเข้าบ้านตนเอง ซึ่งพอเหยียบลงไปบนแผ่นปูนที่อยู่ตรงกลางปรากฎว่าฝาท่อผลุบลงไปทันที พร้อมตัวเอง ทำให้ตกลงไปนั่งจุกลุกไม่ขึ้น ส่วนแผ่นปูนก็แตกอยู่ข้างใต้นั่นเอง ถ้าเมื่อวานนี้มีระดับน้ำสูงขึ้นมาอีก ตนเชื่อว่าตนอาจจะเสียชีวิตได้ โดยตนได้ร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครได้ยิน จะปีนขึ้นมาเองก็ลุกไม่ไหว จึงต้องนั่งอยู่ในนั้นนานกว่า 30 นาที ก่อนจะมีคนผ่านมาเห็นและได้เรียกคนมาช่วย
วินาทีที่นั่งรอคนผ่านมาเจอนั้น ก็คิดแค่ว่าถ้าหากตายไปทางครอบครัวจะเป็นอย่างไร ใครจะดูแล เพราะสามีก็ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ส่วนลูกชายฝาแฝดคนหนึ่งก็เรียนอยู่ อีกคนมีปัญหาทางการได้ยิน ตอนนั้นนอกจากร่างกายจะบาดเจ็บแล้ว สติก็แทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดไปต่างๆ นานา แต่ก็ถือว่าบุญที่ทำมายังช่วยให้ตนรอดพ้นจากนาทีวิกฤตินี้มาได้ ตอนนี้ก็ยังมีอาการวิตกกังวลอยู่ พอออกมาเห็นฝาท่อก็รู้สึกผวาอยู่เหมือนกัน
ขณะที่ อาการบาดเจ็บ ก็มีรอยฟกช้ำที่หลัง และรอยบาดแผลขีดข่วนที่แขน โดยแพทย์ที่ให้การตรวจรักษาระบุว่า มีอาการฟกช้ำค่อนข้างหนัก แต่ไม่มีเลือดคั่งภายใน ซึ่งแม้จะทำให้สบายใจในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังกังวลกับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดตามมา เพราะตนเองมีโรคประจำตัวอยู่หลายโรค นอกจากนี้ ในวันเกิดเหตุทางรองนายกเทศมนตรี ก็ได้เดินทางไปดูแลที่โรงพยาบาล และต่อมาทางเทศบาลฯ ก็ได้ติดต่อว่า จะเข้ามาเยี่ยมในวันนี้ แต่ยังไม่ได้ระบุเวลา และยังไม่มีการพูดคุยอะไรกันถึงเรื่องการเยียวยา
นางวิภารัตน์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนเองอยากฝากไปยังผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้นับเป็นโชคดีที่ตนรอดมาได้ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่ถ้าเป็นเด็กก็อาจจะเกิดความสูญเสียได้ ดังนั้น หากมีการซ่อมแซมหรือทำอะไรที่จะเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ก็ควรที่จะต้องมีการทำป้ายเตือน หรือวางที่กั้นเตือนให้ประชาชนทราบ จะได้ไม่เกิดเหตุแบบนี้อีก พร้อมกันนี้ก็ขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มีไหวพริบกับการแก้ปัญหาช่วยผู้บาดเจ็บได้ดีมาก รวมถึงหญิงสาวพลเมืองดีคนหนึ่งที่โดดลงไปช่วยตนในท่อระบายน้ำ
สำหรับฝาท่อที่เกิดอุบัติเหตุ นายศักดิ์ชัย นิมิตรปัญญา รองนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร บอกว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นชี้แจงว่า ช่วงเช้าของวันที่ 2 ก.ย.2567 เจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้มาสำรวจท่อระบายน้ำทุกท่อ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับน้ำทะเลหนุน และน้ำหลากจากตอนบน ซึ่งก็คาดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะปิดฝาท่อนี้ไม่สนิท หรืออาจจะยังปิดไม่สนิท เพื่อรอนำเครื่องจักรมาดูดขยะมูลฝอย จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
โดยทางเทศบาลได้ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และได้ให้การดูแลผู้บาดเจ็บทั้งหมด นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจฝาท่อในพื้นที่ว่าปิดไว้เรียบร้อยแล้วหรือไม่ หรือมีการชำรุดหรือไม่ พร้อมกำชับห้ามเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ส่วนมูลเหตุที่เกิดขึ้น จะได้เรียกเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป