สารวัตรทางหลวงระยอง ยอมรับลูกน้องไถเงินต่างด้าวจริง ยัน นายไม่เคยสั่งให้ทำแบบนี้

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ไลฟ์สดเหตุการณ์ถูกชายแต่งกายคล้ายตำรวจทางหลวง ไถเงิน 5 พันบาท แลกกับการไม่จับลูกน้องต่างด้าว เหตุเกิดบริเวณป้อมตำรวจทางหลวงวังจันทร์ จ.ระยอง

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังห้องพักคนงาน พื้นที่ตำบลนาป่า อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ได้พบกับนายณรงค์ศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี และนางสาวทองใบ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปีสองสามีภรรยา เจ้าของโพสต์ดังกล่าว ได้นำสลิปถอนเงิน 5 พัน และภาพถ่ายเงินสด ที่นำมามอบให้ตำรวจทางหลวง มาให้ผู้สื่อข่าวดู

นายณรงค์ศักดิ์ เล่าว่า เนื่องจากวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงาน ตนเองจึงพาลูกน้องและครอบครัวไปเที่ยว ลูกน้องเป็นคนไทย 7 คน กัมพูชา 5 คน ไม่ได้พกใบพาสปอร์ตไปด้วย แต่ได้นำภาพถ่านพาสปอร์ตของลูกจ้างทุกคนมาให้ตำรวจดูเพื่อเป็นการยืนยัน แต่ตำรวจก็ยังบอกว่ามีความผิด ปรับคนละ 5,000 บาท ทั้งหมด 3 คน ก็ 15,000 บาท ส่วนคนขับจะต้องโดนจับปรับ 100,000 เพราะนำพาบุคคลต่างด้าวไม่มีพาสปอร์ต

หลังจากนั้นชายแต่งกายคล้ายตำรวจได้เรียกทั้งหมดเข้าไปในห้องเพื่อไปเจรจาต่อรองขอเรียกคนละ 5,000 บาท ทั้งหมด 3 คน ตนเองจึงพยายามต่อรองขอลดราคา เพราะไม่มีเงินและน้องๆ จะกลับภูมิลำเนา จึงอยากมาเที่ยวทะเลเป็นครั้งแรก จากนั้นชายแต่งกายคล้ายตำรวจ ได้อ้างว่านายสั่งมาแล้วราคาที่คนละ 5,000 บาท แต่ตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่า 5,000 บาท พร้อมทั้งขอเลขบัญชี แต่ชายคนดังกล่าวให้ไปกดเงินสดมาจ่ายแทน 

เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนรู้สึกเสียใจมากเพราะเป็นวันหยุดแรงงาน ตั้งใจพาลูกน้องไปเที่ยวทะเลก่อนจะกลับบ้านภูมิลำเนา งานก็ไม่ค่อยมีเงินก็ไม่ค่อยมี แต่กลับถูกรีดไถแบบนี้

ความคืบหน้า 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ศราวุธ ทองใย สารวัตรตำรวจทางหลวงระยอง กล่าวยอมรับว่าชายที่ปรากฏในคลิป เป็นตำรวจทางหลวงระยอง ยศจ่าสิบตำรวจ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและสั่งย้ายให้ไปประจำศูนย์ปฏิบัติงานตำรวจทางหลวงจุดสวนสนแล้ว

พ.ต.ท.ศราวุธ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนผู้กระทำผิดหากพบว่า มีความผิดจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบวินัยของทางตำรวจ ส่วนผู้เสียหายหากต้องการให้ดำเนินคดีอาญา สามารถกลับมาแจ้งความ ซึ่งตำรวจจะให้ความเป็นธรรม ท้ายนี้ตำรวจทางหลวงระยองขอยืนยันว่า นายไม่เคยสั่งให้ประพฤติตัวหรือกระทำความผิดในลักษณะนี้ พันเปอร์เซ็นต์