จากกรณี น.ส.จันยา (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ร้องเรียนสื่อมวลชน หลังสามีที่จดทะเบียนสมรถด้วยกัน ซ้อมจนอยู่ไม่ได้ หลังถูกล็อตเตอรี่รับ 12 ล้าน สุดท้ายต้องซมซานกลับบ้านตัวเปล่า อาศัยมาอยู่กับแม่และน้องข้าวสวย ลูกสาววัย 3 ขวบ ตามลำพัง ที่บ้านใน ต.ตาจง อ. ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ขณะสามีประกาศไม่ต้องกลับมา เพราะมีเมียใหม่แล้ว ท้ังนี้สามีไม่เคยส่งเสียลูกสาว วอนผู้รู้ช่วยเหลือไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะยังมีทะเบียนสมรสด้วยกัน
บุรีรัมย์ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.ตาจง อ. ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เพื่อพบกับ ผู้ร้องเรียน โดย น.ส.จันยา เปิดเผยว่า อยู่กินกับสามีชาว ต.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ มาประมาณ 4 ปี ส่วนตัวเองจะไปๆมาๆ ระหว่าง จ.บุรีรัมย์กับ จ.เพชรบูรณ์ และกรุงเทพฯ เพราะสามีมีอาชีพขับรถสิบล้อส่งสินค้า จนกระทั่งตนตั้งท้องและมีบุตรด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 3 ขวบ ต่อมาเมื่อเดือนธันวาคม 65 ตอนนั้นตนกับลูกสาวพักอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนสามีขับรถส่งสินค้า ระหว่างอยู่ในห้องพักกับลูกสาว ได้เอากระดาษมาเขียนเลข 1-0 ตัว ก่อนฉีกกระดาษและม้วนเลขแต่ละตัว ใส่แก้วน้ำให้ลูกสาวจับมาที่ละใบ โดยน้องข้าวสวยจับ 3 ใบ ได้เลข 196 ตามลำดับ จึงโทรศัพท์ให้สามีซึ่งกำลังขับรถซื้อล็อตเตอรี่ให้ พอผลฉลากกินแบ่งรัฐบาลออกมาเลข 157196 สามีโทรมาบอกว่าถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบ จะได้เงิน 12 ล้าน ดีใจมากเพราะโชคเพราะลูกสาวเป็นคนคัดเลขมาให้
"จากนั้นก็เอาฉลากไปขึ้นเงิน โดยเงินทั้งหมดเข้าบัญชีสามี ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะเดินทางกลับไปที่จังหวัดเพชรบูรณ์บ้านของสามี ระหว่างทางสามีบอกว่าจะแบ่งเงินไว้ให้ตนส่วนหนึ่ง ให้ลูกส่วนหนึ่ง ตอนนั้นวาดฝันไว้ว่าหลังจากนี้ครอบครัวจะมีความสุข แต่กลับไม่เหมือนดังที่ฝันไว้ สามีนั่งดื่มเหล้าทั้งวันทั้งคืน ไม่พอใจก็มาทำร้ายตนเป็นประจำ เงินที่ว่าจะให้แม่ไปใช้หนี้ 1 ล้านบาท ให้แม่เพียง 680,000 บาท เค้าเอาไปสร้างบ้านราคา 2 ล้าน ซื้อที่ดิน 3 ล้าน และซื้อรถไถให้พี่ชายราคา 1 ล้านบาท ส่วนตัวเองสามีไม่แบ่งเงินให้เลย" น.ส.จันยา เผยอีก
น.ส.จันยา เผยต่อ หลังจากน้ันเค้าจะเมาดื่มเหล้าท้ังเช้าและเย็น และก็นอน อยากให้เค้ามาดูแลรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกสาวด้วย ตนก็ไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำอะไรตอนนี้ เงินถูกรางวัลไม่เคยแบ่งให้ลูกตามสัญญา หลังจากนี้หากเค้ามาขอคืนดีตนไม่คืนดีด้วย เพราะไม่สามารถทนมือ ทนเท้า ยอมเป็นกระสอบทรายได้อีกแล้ว ซ้ำสามียังโทรมาบอกว่าไม่ต้องกลับไปอีก เพราะได้เมียใหม่แล้ว ถึงเวลานี้อยากจะหย่าให้เรื่องราวมันจบ และขอแบ่งทรัพย์สินบางส่วนมาไว้เลี้ยงลูก เพราะเค้าไม่เคยสนใจเลยไม่มีแม้เงินจะส่งมาให้ตนกับลูกสาวใช้ น้องข้าวสวยได้มรดกจากพ่ออย่างเดียวคือจักรยานคันเล็กๆคันเดียว จึงอยากจะให้ผู้รู้กฎหมายหาวิธีช่วยเหลือตนให้พ้นทุกข์ในตอนนี้ด้วย เพราะตนกับสามีมีชีวิตความเป็นอยู่ราวฟ้าดิน
ด้านนางผ่อง (นามสมมุติ) มารดา น.ส.จันยา เล่าว่า ตนเหมารถจาก จ.บุรีรัมย์ ไปรับ ลูกสาวและหลานสาวที่ จ.เพชรบูรณ์ ราคา 6,500 บาท เมื่อไปถึงพบลูกสาวหน้าตาบวมปู ด ส่วนหลานสาวเมื่อเห็นตนก็วิ่งมากอด พร้อมบอกว่าหนูคิดถึงยาย ส่วนสามีลูกสาวนั้นได้พูดบอกให้ลุกสาวตนเก็บเสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวกลับให้หมด คนเป็นแม่เราก็อยากให้ลุกสาวอยู่กับครอบครัว ถ้าปรับตัวเข้าหากันได้จะได้กลับมาเป็นครอบครัว ลึกๆเราก็รู้อยู่ลูกสาวโดนอะไรบ้าง ถามเค้าตลอดกินอิ่มๆไหม สามีให้เงินใช้บ้างไหม เค้าก็ตอบ กินอิ่ม สามีให้เงินใช้ครั้งละ 20-100 บาท ตนก็น้ำตาไหลเลยไปรับกลับมาให้อยู่บ้านกับพ่อกับแม่ดีกว่า ตนเคยบอกให้ลูกเขยเปิดบัญชีให้ลูกสาวบ้าง เอาเงินใส่บัญชีสัก 2-3 แสนบาท ไม่ได้มากมายอะไร เค้าก็เฉย หากเค้ากลับมาขอคืนดีกับลูกสาวตน ก็แล้วแต่ลูกสาวตนตัดสินใจ แต่เค้ายืนกรานบอกไม่เอาแล้ว ฝากให้ลูกเขยมีน้ำใจอารีส่งเสียเลี้ยงดูบุตรของตัวเองบ้าง