10 พฤศจิกายน 2566 ความคืบหน้ากรณี "เสี่ยแป้งแหกคุก" หนีจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดย นายเชาวลิต ทองด้วง ฉวยโอกาสหลบหนีระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งตำรวจไล่ล่าจับกุมลูกน้องคนสนิทและคนที่ร่วมนำพาหลบหนีได้ทั้งหมด ขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ถูกดำเนินคดีฐานความผิดต่อหน้าที่ราชการ มาตรา 157 และสั่งให้ออกจากราชการ 3 นาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผานมา ตำรวจทีมไล่ล่าได้แกะรอยพบแหล่งกบดานของ "เสี่ยแป้ง" กระทั่งเกิดการปะทะบริเวณเทือกเขาบรรทัดรอยต่อ 3 จังหวัด แต่เสี่ยแป้งสามารถหลบหนีตำรวจที่ปิดล้อมไปได้ ซึ่งตำรวจระบุว่าเพราะหมาเห่า ทำให้เสี่ยแป้งไหวตัวได้ ทำให้ปฎิบัติการไล่ล่ายังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด "ผู้ใหญ่แจ้ง" อดีตผู้ใหญ่บ้าน บ้านตระ ผู้เคยได้รับฉายา "ผู้ใหญ่สุลต่าน" เปิดเผยถึง บ้านตระ เป็นหมู่บ้านอาถรรพ์ เป็นหมู่บ้านที่ถูกสาปแช่งไว้ ว่า ถ้าใครเป็นโจรผู้ร้ายเข้ามาในนี้จะไม่สามารถอยู่ได้ คนที่เอาเปรียบคนอื่นจะอยู่ไม่ได้และต้องมีอันเป็นไป เจ้าหน้าที่อาจมองข้ามเรื่องนี้ไป แต่ในส่วนของตนยังเชื่อเรื่องนี้
"ในอดีตหากมีเหตุร้าย มีคนไม่ดีเข้ามาใน บ้านตระ ผมจะเซ่นไหว้ตามความเชื่อ เป็นการเซ่นไหว้ตามศาสตร์และพิธีกรรมแบบอิสลาม ไปไหว้ทวดเล็ก ไปตั้งเครื่องเซ่น ขอให้เปิดหูเปิดตา เปิดป่า ทำให้เหตุร้ายคลี่คลาย"
ผู้ใหญ่แจ้ง กล่าวอีกว่า ฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าให้ท่านขอความร่วมมือจากฝ่ายปกครองในระดับหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องที่ ผู้นำชุมชน ถ้าฝ่ายปกครองเขาเอาด้วย ร่วมไม้ร่วมมือกัน เรื่องการล่าเสี่ยแป้งไม่ใช่เรื่องยากเลย และขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปลอดภัย ขออย่าให้เกิดการสูญเสียใดๆ เกิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ และให้สามารถจับกุมตัวเสี่ยแป้งได้ในเร็ววัน
นายแจ้ง แสงกุล อายุ 68 ปี หรือ อดีตผู้ใหญ่แจ้ง ที่เคยได้รับฉายา "ผู้ใหญ่สุลต่าน" อดีตผู้ใหญ่บ้าน บ้านตระ หมู่บ้านเล็กๆบนเขาบรรทัด พื้นที่ ม.2 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง พื้นที่ปะทะและกบดานของเสี่ยแป้ง บอกว่า ตนเป็นผู้ใหญ่บ้านมาตั้งแต่ปี 2530 ได้บุกเบิกและได้ตั้งชื่อให้ว่า "บ้านตระ" แบ่งการปกครองชุมชนเป็น 5 โซน มีหัวหน้าโซนดูแลแต่ละโซน และตนยังมีตำแหน่งเป็นประธานชุมชนบ้านตระ
ทั้งนี้เมื่อบุกเบิก บ้านตระ มีการตั้งร้านค้าสหกรณ์ชุมชน การจะปกครองแบบกึ่งระบบทหาร กึ่งการปครอง แต่ตนจะวางตัวเป็นพ่อที่ดีของลูกบ้าน แต่กับโจรผู้ร้ายตนจะวางตัวเป็นนักต่อสู้ บ้านตระเป็นหมู่บ้านแห่งตำนานลี้ลับ ขุนโจรภาคใต้ในอดีต ตั้งแต่ "โจรนายดำหัวแพร" หรือ "โจรมหาจันทร์" อยู่ที่บ้านตระมาก่อนที่ตนจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งบ้านตระเป็นหมู่บ้านปิด เป็นหมู่บ้านที่ถูกทอดทิ้งจากเจ้าหน้าที่
อดีตผู้ใหญ่แจ้ง กล่าวอีกว่า ตนเคยเป็นอดีตทหารพราน กรมทหารพราน 42 ซึ่งมีเพียงกองร้อยเดียวในจังหวัดตรัง ส่วนตัวทราบว่า เสี่ยแป้ง เคยเป็นทหารพราน แต่เขาอยู่คนละกรมกับตน และบ้านตระ เคยเป็นฐานของคอมมิวนิสต์ เป็นฐานปฎิบัติการศูนย์ชี้นำที่ 842 ผกค.
ส่วนการล้อมจับเสี่ยแป้งในพื้นที่บ้านตระ ตนก็ติดตามข่าวสาร ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้องจัดการกันเอง เพราะตอนนี้ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว
ส่วนเรื่องยาเสพติดซึ่งตอนนี้ระบาดเยอะมาก ระบาดไปทุกที่ ยาเสพติด จะนำมาสู่เงิน อาวุธสงคราม และการทำผิดกฎหมายอื่นๆก็ตามมา ตนเคยเป็นทหารพราน ตนจะรู้ช่องทางหลบหนี ตนเคยเดินทางขึ้นไปทางบ้านควนไม้ดำเพื่อตีฐานคอมมิวนิสต์ โดยจู่โจมเข้าพร้อมกันทั้งจากฝั่งพัทลุง และฝั่งสตูล โดยการจะล่าโจรก็จะต้องเข้าต่อสู้แบบกองโจรจึงสามารถตีแตกได้
สำหรับ บ้านตระ ขึ้นลงโดยใช้รถจักรยานยนต์ได้ทางนี้ทางเดียว แต่หากเดินเท้าสามารถลงได้หลายเส้นทาง ดังนี้
ด้านบนของบ้านตระ ตอนที่เคยไปจู่โจมคอมมิวสต์ บนนั้นมีพื้นที่โล่งเตียน ใช้เป็นสนามขึ้นลงเฮลิคอปเตอร์ ตนเคยไปลงเฮลิคอปเตอร์ตรงจุดนั้น แล้วลาดตระเวนพื้นที่จนทราบพื้นที่อย่างดี ก่อนเรียกกำลังพลผ่านวิทยุสื่อสารขึ้นปฏิบัติการ ซึ่งจุดที่จอดเฮลิคอปเตอร์ กับหมู่บ้านห่างกันประมาณ 4 กิโลเมตร คาดว่าจะเป็นจุดปะทะกับเสี่ยแป้ง
อดีตผู้ใหญ่แจ้ง กล่าวอีกว่า ปัจจุบันพื้นที่บ้านตระไม่มีสัญญานโทรศัพท์ ซึ่งตอนที่ตนปกครองจะใช้วิทยุสื่อสารในการสื่อสาร ใครเข้ามาในบ้านตระก็เหมือนถูกตัดขาดจากภายนอกเลย ซึ่งจะมีการติดตั้งศูนย์วิทยุสื่อสาร ไว้ที่สหกรณ์ฯ และศูนย์วิทยุสื่อสารแม่ข่ายก็จะด้านล่างที่บ้านหลังนี้เลย เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะแจ้งลงมายังแม่ข่าย เมื่อทราบข่าวแล้ว ก็จะใช้รถจักรยานยนต์ไปด้านบนเลยที่บ้านเรือนของชาวบ้าน
เมื่อก่อนความร่วมมือของชาวบ้านบ้านตระดีมาก ๆ หากมีคนในบ้านตระเจ็บไข้ได้ป่วย คนที่บ้านควนไม้ดำด้านล่าง ก็จะกางเต็นท์ไว้หน้าบ้านเลย หุงข้าว หุงปลา คอยดูแลไม่ให้ลำบาก และตอนที่ตนเป็นผู้ใหญ่บ้านตนจัดตั้งให้มี อสม. มีกลุ่มแม่บ้านบ้านตระ เมื่อก่อนนี้สมัยที่ตนเป็นทหารพราน เป็นผู้ใหญ่บ้าน หากมีเหตุร้าย มีคนไม่ดีเข้ามาในบ้านตระ ตนจะเซ่นไหว้ตามความเชื่อ เป็นการเซ่นไหว้ตามศาสตร์และพิธีกรรมแบบอิสลาม ไปไหว้ทวดเล็ก ไปตั้งเครื่องเซ่น ขอให้เปิดหูเปิดตา เปิดบ้านเมือง เปิดป่า ทำให้เหตุร้ายคลี่คลาย
“บ้านตระเป็นบ้านอาถรรพ์ เป็นหมู่บ้านที่ถูกสาปเช่งไว้ว่า ถ้าใครมีปัญหา เป็นโจรผู้ร้ายเข้ามาในนี้จะไม่สามารถอยู่ได้ คนที่เอาเปรียบคนอื่นจะอยู่ไม่ได้และต้องมีอันเป็นไป เจ้าหน้าที่อาจมองข้ามเรื่องนี้ไป แต่ในส่วนของตนยังเชื่อเรื่องนี้”
ผู้ใหญ่แจ้ง เปิดเผยอีกว่า ตอนเป็นผู้ใหญ่บ้าน จะตั้งเครื่องเซ่นไหว้ ได้แก่ ข้าวเหลือง ไก่ไม่เหยียบดิน (ไข่ไก่) นำไปตั้งเซ่นไหว้ แล้วขอพรให้ปกครองบ้านตระอย่างราบรื่น ชุมชนอยู่เย็นเป็นสุข สามัคคี ขอเป็นตัวแทนของทวดเล็กนำบ้านตระไปสู่เป้าหมายที่ดีงาม ซึ่งตนเป็นผู้ใหญ่บ้านดูแลบ้านตระมากว่า 20 ปี ลูกบ้านไม่ทะเลาะกันเลย เรื่องลี้ลับของบ้านตระ ใครที่มาเยือนบ้านตระแล้วคิดไม่ดีหรือไม่เชื่อถือ ก็จะอยู่ไม่ได้ แต่หากใครที่คิดดีก็จะดีไปเลย
ทั้งนี้ การปฏิบัติงานคนที่เป็นทหารของตนทั้งที่เป็นทหารพรานและผู้ใหญ่บ้าน ก็จะวางเส้นสายในการเข้าไปทำงานตรงนี้ เพราะการรบในป่า ไม่เหมือนกับการรบในเมือง และการจับผู้ร้ายในป่าเป็นเสือลำบาก อย่างน้อยก็ต้องสู้ไว้ก่อน หรือเปรียบเปรยว่าหากจะสู้กับโจรเราต้องสู้แบบโจร ต้องหาคนในพื้นที่มาเป็นพวกตนเองให้ได้
สำหรับ บ้านตระ นั้นภูมิประเทศจะเอื้อในการเป็นสนามรบเพราะมันเคยเป็นสนามรบมาก่อน ตั้งแต่ตำนานมาจนถึงปัจจุบัน เพราะเป็นยุทธศาสตร์ที่มีที่กำบังเหมาะแก่การเป็นพื้นที่สู้รบ และตนขอฝากคำพูดไปยังผู้ที่รับฟังรับชมทุก ๆ คน คนแก่บอกว่าทำตัวให้ดี จะได้ฝากผีฝากไข้ อย่าลืมว่าบ้านตระเป็นหมู่บ้านแห่งตำนาน
นอกจากนี้ยังอยากฝากถึง นายอนุทิน ชาญวีระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ให้ท่านขอความร่วมมือจากฝ่ายปกครองในระดับหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องที่ ผู้นำชุมชน ถ้าฝ่ายปกครองเขาเอาด้วย ร่วมไม้ร่วมมือกัน เรื่องการล่าเสี่ยแป้งไม่ใช่เรื่องยากเลย และตนขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปลอดภัย ขออย่าให้เกิดการสูญเสียใดๆ เกิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ และให้สามารถจับกุมตัวเสี่ยแป้งได้ในเร็ววัน