19 กันยายน 2566 ความคืบหน้า ประเด็นร้อน พฤติกรรมสุด "เหิมเกริม" ขบวนการ "แก๊งมอดไม้พะยูง" ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ที่ส่อว่าจะมีการร่วมกับ จนท.รัฐ ที่ "ยิ่งแฉ ยิ่งเห็นภาพใหญ่" มีข้าราชการในพื้นที่ "ทุจริต" อาจมีเอี่ยว "ฟอกไม้" โดยใช้ช่องว่างกฎหมาย จนถึงขณะนี้พบขบวนการ มอดไม้พะยูง ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปตัดต้นพะยูงในพื้นที่ รร. และพื้นที่ราชการ อย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ขณะเดียวกัน เมื่อหลังถูกจับตาหนัก "แก๊งมอดไม้" ที่ได้รับคำสั่งจาก นายทุนจีน ได้เบนหน้าไปตัดไม้มีค่าชนิดอื่น ๆ แทนอีกด้วย ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุด นายอดิศร คงสมกัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในฐานะได้รับการแต่งตั้ง จากผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมเป็นคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ปัญหาการตัดไม้พะยูงในโรงเรียน เพื่อทำการวัดปริมาตรไม้ ตามมาตรฐานกรมป่าไม้ โดยได้ร่วมกับ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ และ นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจฯ
โดยที่ผ่านมา ทางชุดเฉพาะกิจฯ ได้ทำการวัดปริมาตรไม้ ที่ รร.คำไฮวิทยา , รร.หนองโนวิทยา และ รร.คุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ ซึ่งทราบว่า ราคาที่ทางโรงเรียน โดยสำนักงานเขตพื้นที่ศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 และธนารักษ์ จำหน่ายให้กับพ่อค้านั้น แตกต่าง ต่ำไปจากราคาประเมินของกรมป่าไม้มาก
เช่น ที่ รร.คำไฮวิทยา ไม้พะยูงจำนวน 22 ต้นกับอีก 2 ตอ ราคาขายในใบเสร็จรับเงิน 153,000 บาท แต่ราคาประเมินของไม้ท่อนหวงห้าม ของกรมป่าไม้ 4,500,000 บาท , รร.หนองโนวิทยาคม ไม้พะยูงจำนวน 9 ต้น ราคาขายในใบเสร็จรับเงินจำนวน 104,000 บาท ขณะที่ราคาประเมินของไม้ท่อนหวงห้าม ของกรมป่าไม้ รวมเป็นเงิน 1,512,750 บาท , รร.คุรุชนปนระสิทธิ์ศิลป์ ไม้พะยูง 3 ต้น ขนาดสูงใหญ่ ราคา 30,000 บาท ขณะที่ราคาประเมินของไม้ท่อนหวงห้าม ของกรมป่าไม้ เป็นเงิน 2,232,000 บาท
ทั้งนี้ ได้นำผลจากการวัดปริมาตรไม้ แต่ละโรงเรียน รวบรวมส่งให้ทางจังหวัด ดำเนินการตรวจสอบ อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อประกอบการพิจารณาว่า มีราคาสูง-ต่ำ แตกต่างกันเพราะสาเหตุใด ส่วนต่างหายไปไหน มีใครเกี่ยวข้องอะไรบ้าง อย่างไร เพื่อให้คณะทำงานเชิงลึก ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจฯ กล่าวว่า ปัญหานี้เริ่มจากตัดไม้พะยูง ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 และเกิดกรณี ไม้พะยูงของกลางหายจากที่เก็บรักษา บริเวณหน้าเสาธง เทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 66 จนมีการแจ้งความ และตรวจสอบตามไทม์ไลน์
ทั้งนี้ ตนและชุดเฉพาะกิจฯ ได้ลงพื้นที่สอบปากคำ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และพยานหลายปาก ประสานข้อมูลกับพนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง พื้นที่เกิดเหตุ จากนั้นนำมาสู่กระบวนการทางกฎหมาย มีการส่งสำนวนฟ้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 8 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 3 ราย ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้นำชุมชนอีก 5 ราย และส่งสำนวนต่อ ป.ป.ช.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา
นายนิยม กล่าวว่า การทำงานของชุดเฉพาะกิจฯ ดำเนินการอย่างตรงไป ตรงมา ตามพยานหลักฐาน แต่สำหรับกรณีตัดไม้พะยูง ในโรงเรียนหลายแห่ง พบพยานหลักฐาน ทั้งเอกสาร และพยานบุคคลยืนยันค่อนข้างชัดเจนว่า กลุ่มที่เข้ามาทำการค้ากับไม้พะยูงโรงเรียน มีใครเป็นใครบ้าง แต่ถึงปัจจุบันกว่าสองเดือน ยังไม่มีการรายงานความคืบหน้า จากองค์กรอิสระ อย่าง ป.ป.ท.จ.ขอนแก่น ที่ควรจะมีข้อมูล หรือการเคลื่อนไหวให้ทราบบ้าง
และยังพบว่า จำเลยสังคม ก็คือ ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ และ สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 ก็ปฏิเสธมาโดยตลอด ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการใส่เกียร์ว่างหรือเปล่า และส่วนตัว ได้ตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีการ วิ่งเต้น ของข้าราชการประจำบางคน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้หรือไม่
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ จะได้มีการแถลงข่าวในรอบเดือน ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย. 66) โดยมีการส่งหนังสือ เชิญสื่อทุกสาขาร่วมงาน จึงเป็นที่แน่ชัดว่า สื่อมวลชนใน จ.กาฬสินธุ์ และประชาชนให้ความสนใจ ที่จะได้รับฟังความคืบหน้า การพิจารณาคดีไม้พะยูง ที่เกิดขึ้นใน จ.กาฬสินธุ์ 2 คดี
คือ 1.กรณีไม้พะยูงของกลางหาย ที่เทศบาลตำบลอิตื้อ คดีนี้มีข้าราชการเกี่ยวข้อง 8 ราย และ 2.กรณีที่ข่าวเกาะติดรายวัน เกี่ยวกับการตัดไม้พะยูง ตามโรงเรียนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ไปประมูลขาย โดยมีเจ้าหน้าที่ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 และผู้อำนวยการโรงเรียน มีส่วนเกี่ยวข้อง
ซึ่งพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น ขัดต่อคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด และคำสั่งของกรมธนารักษ์ ตาม ว20 ซึ่งคาดว่า ป.ป.ช.กาฬสินธุ์ จะแถลงความคืบหน้าบ้าง เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับสังคม ที่รอคอยคำตอบอยู่ อีกทั้งเรียกร้องให้หาคนผิดมาลงโทษ