ปทุมธานี วันที่ 15 กันยายน 2566 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี รังสิต-นครนายก คลอง 7 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางสาวพิมพ์วิมล อายุ 24 ปี และนายธีระชัย อายุ 27 ปี สามี-ภรรยา เข้าพบนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือน้องเต้าหู้ ลูกสาววัย 2 ขวบเดินชนหม้อต้มแซ่บที่กำลังเดือดบนเตาตกลงไปในหม้อน้ำต้มแซ่บร้อนๆ ลวกเป็นแผลพองไหม้ไปทั้งตัว ยกเว้นใบหน้าและข้อมือ โดยเข้ารักษาตัวอยู่ห้อง ICU รพ.หัวหิน ประเมินความลึก 2 nd degree burn 64% ต้องทำแผลผ่าตัดอาทิตย์ละ 3 ครั้ง โดยต้องใช้แผ่นแปะแผลลดความเจ็บปวดผิวหนัง แพทย์ต้องใช้ใบมีดตัดเนื้อตายและ spray รักษาแผลอักเสบ เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ไม่มีในรพ.หัวหิน จึงมีค่าใช้จ่ายต้องสั่งจากบริษัทอื่น นอกเหนือจากสิทธิการรักษาบัตรทอง 30 บาท ล่าสุดด.ญ.วัย 2 ขวบ แผลติดเชื้อ ต้องย้ายมารักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ จึงมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เป็นการเร่งด่วน
นางสาวพิมพ์วิมล อายุ 24 ปี แม่ของด.ญ.ที่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า สามีเพิ่งได้งานเป็นเชฟอยู่ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งเงินเดือน 10,500 บาท ส่วนตนเป็นพนักงานแนะนำขายอุปกรณ์ศิลปะเงินเดือน 9,000 บาท มีลูกสาว 2 คน คนแรกอายุ 4 ขวบ และคนที่สองอายุ 2 ขวบ น้องเต้าหู้เป็นลูกสาวคนเล็ก เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดเหตุ ตนกับสามีไปทำงานช่วงบ่าย ย่าโทรมาหาให้รีบกลับบ้านมาดูลูกสาวด่วน เมื่อกลับถึงบ้านตนแทบช็อค เห็นสภาพน้องเต้าหู้ตัวเปลือยมีแผลพุพองตั้งแต่ลำคอลงมาถึงที่เท้า โดยย่าบอกว่า ก่อนเกิดเหตุ ย่ากำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมกับข้าวไปขายไม่รู้ว่าหลานเดินตามหลังมาในครัว จู่ๆ น้องเต้าหู้ก็เดินไปชนกับหม้อต้มแซ่บ ซึ่งเป็นหม้อใบใหญ่เบอร์ 40 ก่อนจะตกลงไปทั้งตัวสภาพหงายหลังนอนแช่อยู่ในหม้อน้ำต้มแซ่บร้อนๆ ย่าจึงรีบช่วยขึ้นมาแล้วถอดเสื้อผ้าเอาน้ำเย็นราดตัวก่อนจะรีบให้แม่มาดู จากนั้น ตนได้เรียกรถโรงพยาบาลมารับตัวลูกไปโรงพยาบาลทันที หลังไปถึงโรงพยาบาลแพทย์ห้องฉุกเฉินได้ทำแผลให้น้องก่อนส่งตัวไปห้องปลอดเชื้อและเข้าห้องไอซียู
กระทั่งวันที่ 11 ก.ย.2566 แพทย์ตรวจพบว่าผิวหนังเสียหายความลึกระดับ 2/3-3 ต้องทำการผ่าตัด ลูกใช้สิทธิ 30 บาท ในการรักษา แต่มีค่ายาและค่าอุปกรณ์นอกบัญชีที่ต้องจ่าย เช่น ใบมีดที่ตัดระดับความลึกของเนื้อตาย ราคา 16,050 บาท สเปรย์รักษาแผลเนื่องจากการไหม้ ราคา 10,950 บาท ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวภายในโรงพยาบาลไม่มี ตนต้องจ่ายเงินก่อนเพื่อสั่งซื้อของจากบริษัทข้างนอก และยังมีค่าแผ่นแปะรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังเพื่อลดการเจ็บปวด ราคาแผ่นละ 580 บาท ต้องใช้ครั้งละประมาณ 8-10 แผ่นต่อครั้ง ประมาณ 5,000-6,000 บาท และแพทย์แจ้งว่าจะต้องมีการผ่าตัดอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก ตนต้องไปกู้ยืมเงินมาเพื่อรักษาลูก ตอนนี้ลูกร้องไห้ตลอดเวลา สภาพจิตใจย่ำแย่ พ่อแม่ทุกข์ใจมากอยากให้น้องปลอดภัย จึงมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือ
ด้านนางปวีณา กล่าวว่า พ่อแม่ได้แจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือมามูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2566 จึงได้ประสานนายจิตตรัตน์ เตชวุฒิพร ผอ.รพ.หัวหิน เพื่อสอบถามอาการน้องเต้าหู้ด้วยความเป็นห่วง ทราบว่าทางโรงพยาบาลได้ดูแลน้องอย่างดี และต้องมีค่าใช้จ่ายตามที่พ่อแม่แจ้งกับทางมูลนิธิปวีณาฯ จึงได้ประสาน เพจอีจัน และมูลนิธิเพชรเกษม บริจาคเงินช่วยเหลือ กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา 14 ก.ย.2566 แพทย์แจ้งกับพ่อแม่ว่าน้องเต้าหู้มีอาการติดเชื้อต้องส่งตัวด่วน เพื่อมารักษาต่อที่ รพ.ธรรมศาสตร์ และมาถึงโรงพยาบาลในช่วงตี 3 ที่ผ่านมา นางปวีณาได้ประสาน รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อติดตามด้านการรักษา และในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ตนจะเดินทางไปเยี่ยมน้องเต้าหู้ที่โรงพยาบาลพร้อมมอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวเบื้องต้น ทั้งนี้ หากผู้ใจบุญท่านใดต้องการจะช่วยเหลือ “น้องเต้าหู้” สามารถบริจาคได้ที่บัญชีแม่น้องเต้าหู้โดยตรง ชื่อบัญชี น.ส.พิมพ์วิมล มงคล ธนาคารกสิกรไทย สาขา ตลาดฉัตร์ไชย หัวหิน เลขที่บัญชี 043-8-43203-5