31 สิงหาคม 2566 กลายเป็นเรื่องราวที่ยิ่งแฉ ยิ่งเห็นภาพใหญ่ สำหรับขบวนการ "แก๊งมอดไม้พะยูง" ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ที่มีพฤติกรรมเหิมเกริมอย่างหนัก ก่อเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ 8 ราย ลักของกลาง "ไม้พะยูง" หายไปจากสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
และยังการเข้าประมูลตัด ไม้พะยูง ภายในโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ในราคาต่ำกว่าราคาตลาด 28 - 56 เท่าตัว โดยเรื่องนี้ ทางจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.- ส.ต.ง.-ป.ป.ท. เอาผิดทางวินัย แพ่ง อาญา ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการลักลอบตัด ไม้พะยูง ตามพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ชุดรวบรวม และตรวจสอบข่าว กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบ บริเวณภายใน โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก หลังได้รับแจ้งจากภาคประชาชนในพื้นที่ว่า
ที่โรงเรียนแห่งนี้ ก็มีการตัด ไม้พะยูง เหมือนกัน ด้วยวิธีประมูลขายนำเงินเข้าแผ่นดิน จำนวน 3 ต้น ขายให้กับพ่อค้าในราคา 30,000 บาท โดยขายไปเมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. 66 ซึ่ง พฤติกรรมการตัดไม้พะยูงประมูลขาย คล้ายกับปัญหาที่เกิดขึ้นที่ โรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี และโรงเรียนหนองโนวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก
โดยระบุสาเหตุว่า ก่อนที่จะมีการขาย มีแก๊งมอดไม้ เข้าไปลักตัดไม้พะยูงในโรงเรียน จึงได้นำปัญหาเข้าหารือกับ ผอ.สพป.เขต 2 กาฬสินธุ์ ที่แนะนำให้ตัดขาย เพื่อตัดปัญหาการลักลอบ เพราะเกรงว่า จะเกิดอันตรายกับครูและนักเรียน
จากการลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่พบกลุ่มชาวบ้าน และครูประจำโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีอาคารเรียนแห่งเดียว สอนนักเรียนจำนวน 33 คน ตั้งแต่ชั้น ป.1 - 6
ชาวบ้าน ได้พาไปดูจุดที่เคยมี ไม้พะยูง พบว่า ห่างจากอาคารเรียนประมาณ 50 เมตร พร้อมเล่าว่า สาเหตุที่มีการตัดไม้พะยูงในโรงเรียน เนื่องจากมีปัญหา แก๊งมอดไม้ เข้ามาลักลอบตัดไปตั้งแต่ปี 58 จำนวนหลายครั้ง ครั้งล่าสุด แก๊งมอดไม้ มาลักตัดไม้พะยูงในโรงเรียน ในช่วงเดือน ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยเม็ก และได้รายงานไปยังต้นสังกัดมาโดยตลอด
ครูประจำโรงเรียน เล่าว่า เมื่อมีการลักลอบตัดถึงปี 66 ทางโรงเรียนได้ทำหนังสือ รายงานไปถึง ผู้อำนวยการสำนักงาน เขตพื้นที่ประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 หรือ ผอ.สพป.เขต 2 โดยหลังจากรายงานการลักลอบตัด ทาง สพป. สั่งให้ทางโรงเรียน สืบสวนข้อเท็จจริง แล้วรายงานให้ทราบ
แต่เมื่อทางโรงเรียน ได้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว แต่ปรากฏว่า ได้รับแจ้งจาก สพป. ว่า ข้อมูลยังไม่เพียงพอ พร้อมกับมีคำแนะนำว่า หากปล่อยให้มีการตัด ต้นไม้พะยูง อีก ก็จะถูกสอบวินัย ทางโรงเรียนมีครูผู้หญิงเพียง 2 คน จึงเกรงจะเกิดอันตราย และเกรงจะถูกสอบวินัย จึงได้เข้าไปปรึกษา สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 เนื่องจากเกรงว่า จะได้รับอันตราย จากบุคคลที่มาลักลอบตัด
สพป.กาฬสินธุ์ จึงแนะนำให้ตัดไม้พะยูงขาย โดยให้ทำตามเอกสารตัวอย่าง ที่โรงเรียนหลายแห่ง เคยทำมาก่อนหน้า พร้อมยืนยันว่า ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด จากนั้น วันที่ 31 ม.ค. 66 ทางโรงเรียนได้ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อขอมติอนุมัติตัดต้นไม้พะยูง
ต่อมาวันที่ 24 ก.พ. 66 โรงเรียนส่งหนังสือ เรียนธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ เรื่องขออนุญาตตัดต้นไม้พะยูง เพื่อจำหน่าย เป็นรายได้แผ่นดิน ต่อมา วันที่ 27 ก.พ. 66 โรงเรียนส่งหนังสือเรียน ผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 เรื่องขออนุญาตตัดต้นไม้พะยูง เพื่อจำหน่ายเป็นรายได้แผ่นดิน
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ เข้ามาประเมินต้นไม้พะยูง โดยครูยืนยันไม่มีความรู้เกี่ยวกับไม้พะยูง เพียงทำตามคำแนะนำของ สพป.กาฬสินธุ์ ซึ่งการดำเนินการประเมินราคา ก็เกิดขึ้นระหว่าง สพป.กาฬสินธุ์ – ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ และดำเนินการออกใบเสร็จ ในนาม สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และมีนายหน้า เข้ามาตัดต้นไม้พะยูง ในวันที่ 1 มี.ค. 66 ในช่วงกลางวัน โดยเอกสารการประเมินราคา การอนุญาต และได้นำใบเสร็จจ่ายเงิน 3 ต้น จำนวนเงิน 30,000 บาท อยู่ในวันเดียวกัน
แฉใช้ช่องว่าง กม.ฟอกขาวตัดไม้พะยง
แหล่งความด้านความมั่นคง กล่าวว่า ต้นเหตุก็คือคำสั่งอนุญาตให้ตัด โดยธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ซึ่งหากไม่อนุญาตตามคำขอ การตัด ไม้พะยูง ในโรงเรียน หรือในพื้นที่ราชการคงไม่เกิดขึ้น เพราะตรวจสอบขั้นตอนแล้ว สาเหตุมาจาก การอ้างระเบียบพัสดุของกรมธนารักษ์ ในตัวอย่างที่เปิดเผยออกมา เช่น โรงเรียนคำไฮวิทยา นอกจากเรื่องระเบียบพัสดุ ยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ที่โรงเรียนหนองโนวิทยาคม รวมถึง โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ ก็เป็นจุดที่ชี้ให้เห็นชัดว่า นี่คือกระบวนการฟอกขาว ตามระเบียบพัสดุ
เพราะทั้งสองแห่ง เมื่อสอบถามไปยังนายอำเภอ ก็บอกว่าไม่ทราบว่า มีการตัด หากไม่มีชาวบ้าน นำปัญหามาประจานทางโซเชียล ก็คงจะนั่งทับให้เรื่องเงียบหาย และกลุ่มมอดไม้ก็จะตัดและทำต่อไป จนกว่าจะถูกจับได้
การที่จังหวัด ตื่นตัวออกมาตรวจสอบ เป็นการค้นหาความจริง ความถูกต้อง ตามหลักการทางปกครอง หากเรื่องนี้เป็นฝีมือชาวบ้าน คงถูกอำนาจรัฐเล่นงานไปแล้ว แต่เรื่องนี้กลับนิ่งสนิทเงียบ โดยเฉพาะต้นสังกัด ศธ. คลัง มีแต่ข่าวออกมาให้ตรวจสอบ แต่ไม่เห็นดำเนินการอะไร ไม่เหมือนกับกระทรวงทรัพย์ฯ ที่มีคำสั่งย้าย และมีการดำเนินการสอบสวนทางวินัยจริงจัง
หรือวันนี้ ผู้บริหารในกระทรวงศึกษาฯ และคลัง ต้องการที่จะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหาย แต่ในส่วนตัวมองว่า เรื่องนี้คงไม่เงียบ เพราะเหตุที่เกิดมีหลักฐานเกี่ยวพันชัดเจน คำตอบจึงขึ้นอยู่กับว่า จะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่ หรือจะรอให้ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา เขต 2 และ ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ เกษียณอายุราชการไปเสียก่อน กลายเป็นมวยล้มต้มประชาชนทั้งแผ่นดิน” แหล่งข่าวกล่าว