จากกรณีมีคราบน้ำมันสีดำปริศนาซึ่งคาดว่าเป็นน้ำมันเตาถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยตื้นตามชายหาดต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะชายฝั่งตะวันตกของเกาะ อาทิ หาดในยาง, หาดในทอน, หาดไม้ขาว, หาดกะตะกะรน เป็นต้น ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา และยังคงมีคลื่นซัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป็นช่วงฤดูมรสุมที่มีคลื่นลมแรง แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการในการเก็บกวาดคราบน้ำมันและขยะทะเลซึ่งถูกซัดเข้ามาแต่ไม่สามารถจัดเก็บได้หมด เพราะคลื่นยังซัดเข้ามาตลอดเวลา จึงทำได้เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเก็บกวาดออกจากชายหาด และเร่งตรวจสอบที่มา
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คราบน้ำมันที่ถูกคลื่นซัดเข้ามานั้น นอกจากจะส่งผลกระทบต่อชายหาดแล้ว ยังส่งผลต่อสัตว์น้ำในทะเลและหน้าดินด้วย โดยพบเต่าทะเลอย่างน้อย 2 ตัว เปื้อนคราบน้ำมันไปทั้งตัว ได้แก่ บริเวณชายหาดหน้าลากูน่าภูเก็ต กับเกาะราชา โชคดีที่มีผู้พบเห็นและทำการช่วยเหลือและทำความสะอาด ก่อนส่งต่อให้กับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวบอ.) เพื่ออนุบาลต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
6 สิงหาคม 2566 ล่าสุด จากการลงพื้นที่บริเวณหาดในยาง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดที่พบคราบน้ำมันและขยะทะเลเปื้อนน้ำมันถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยตื้นบริเวณชายหาดเป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับชายหาดอื่นๆ ซึ่งพบว่า ยังมีคราบน้ำมันซึ่งจับตัวเป็นก้อน ถูกคลื่นซัดมาเกยชายหาด บริเวณชายด้านหน้าสโมสรวิทยุการบินภูเก็ต แต่ปริมาณเบาบางลงเมื่อเทียบกับช่วง 1-2 วันก่อน
ขณะเดียวกัน ยังพบประชาชนนำครอบครัวมาพักผ่อนหย่อนใจภายในอุทยานฯ และมีเด็กๆ ลงเล่นน้ำบ้างประปราย โดยเลือกลงเล่นน้ำในจุดที่ไม่มีคราบน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คอยเก็บกวาดขยะ และเตือนผู้ที่จะเดินลงไปบริเวณชายหาดให้ระวังคราบน้ำมันด้วย
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในการติดตามหาผู้ที่ปล่อยน้ำมันทิ้งในทะเลนั้น ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้ทำการตรวจสอบย้อนกลับ หาข้อมูลเรือที่เดินทางในเส้นทางฝั่งตะวันตกในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในระบบ VTS ของศูนย์ควบคุมการจราจรและความปลอดภัยทางทะเลอันดามัน(CSCA)
ขณะเดียวกัน ทัพเรือภาคที่ 3 ได้นำเฮลิปคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจตรวจสอบค้นหาเรือตามแนวชายฝั่งอีกทางหนึ่ง พร้อมกันนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้ร่วมกับอุทยานแห่งชาติสิรินาถ, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต(ทสจ.ภก.) และสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดทำบันทึกรวบรวมเอกสารหลักฐานและพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ที่สภ.สาคู ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เพื่อสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
โดยเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 119 ทวิ "ห้ามมิให้ผู้ใดเท ทิ้ง หรือทำด้วยประการใดๆ ให้น้ำมันและเคมีภัณฑ์หรือสิ่งใดๆ ลงในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ หรือทะเลสาบอันเป็นทางสัญจรของประชาชน หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทยอันอาจจะเป็นเหตุให้เกิดเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตหรือต่อสิ่งแวดล้อมหรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำหรือทะเลสาบดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องชดใช้เงินค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษหรือชดใช้ค่าเสียหายเหล่านั้นด้วย"