svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวทั่วไทย

นัก กม. ชี้รัฐทำผิด ส่งเด็กต่างด้าว 126 คนกลับ ห่วงเด็กปลอดภัยหรือไม่

นัก กม.ชี้รัฐทำผิด กรณีส่งเด็กต่างด้าว 126 คนกลับ หลายฝ่ายห่วงเด็กปลอดภัยหรือไม่ “ครูแดง” แนะผู้ใหญ่ในประเทศเปิดใจกว้าง ขณะที่ ผอ.ศูนย์การเรียนไร่ส้ม ยกตัวอย่างเด็กได้ดีจาก รร.ไทยรัฐวิทยา 6 จบ ป.ตรี เปิด รร.สอนภาษาไทยในย่างกุ้ง

11 กรกฎาคม 2566 ความคืบหน้ากรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการ ผลักดันเด็กนักเรียน 126 คนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ จากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง กลับประเทศเมียนมา

เนื่องจากเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยได้มีการผลักดัน ผ่านช่องทางด่านอำเภอแม่สาย ไปแล้วกว่าครึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีบางส่วน ที่ไม่มีพ่อแม่มารับ เนื่องจากพ่อแม่เป็นผู้หลบหนี การสู้รบในฝั่งเมียนมา และเด็กมีป้าเป็นผู้ปกครอง จึงถูกปฎิเสธไม่คืนตัวเด็กให้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ล่าสุดวันนี้  ได้มีการจัดเสวนาออนไลน์เรื่อง “เด็กนักเรียนไม่มีเอกสารทะเบียนราษฎร์ อยู่ตรงไหนของกฎหมาย 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก , พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ , พ.ร.บ.คนเข้าเมือง โดยมีวิทยากรด้านสิทธิเด็ก และนักการศึกษาเข้าร่วม ดำเนินรายการโดย ฐปณีย์ เอียดศรีไชย 
นัก กม. ชี้รัฐทำผิด ส่งเด็กต่างด้าว 126 คนกลับ ห่วงเด็กปลอดภัยหรือไม่
 

นางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” อดีต ส.ว.เชียงราย และกรรมการผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) กล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุดในการประชุมที่ จ.เชียงราย มีข้อสรุปว่า เด็กนักเรียนโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 ซึ่งไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ 126 คน และถูกส่งกลับมายังเชียงราย เพื่อผลักดันกลับประเทศเมียนมา 

ขณะนี้ได้มีการส่งเด็กกลับไปแล้ว 59 เหลือ 67 คน และในจำนวนนี้มี 40 คนที่พ่อแม่จะมารับ ซึ่งที่ประชุมได้มีการพูดถึงกรณีที่เด็กบางส่วน เคยเรียนอยู่โรงเรียนชายแดน ในจังหวัดเชียงราย ก่อนที่จะไปเรียนที่ จ.อ่างทอง และ ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ได้สนับสนุนให้เด็กทุกคนได้เรียนหนังสือ

ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เห็นว่า ควรเปิดโอกาสให้เด็กที่ยังต้องการเรียนหนังสือ ได้เรียนต่อตามความสมัครใจ ที่โรงเรียนชายแดน โดยขอให้เข้าเมืองมาใหม่อย่างถูกต้อง และ ผอ.เขตการศึกษาเชียงราย รับรองว่า จะหาโรงเรียนให้ได้แน่นอน สำหรับกลุ่มเด็กที่ไม่พบผู้ปกครอง จะให้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน หาผู้ปกครองที่สามารถจะเลี่ยงดูเด็กได้อย่างดี ให้เด็กได้รับการศึกษา
นางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” อดีต ส.ว.เชียงราย

อดีต ส.ว.เชียงราย กล่าวว่า ในส่วนของภาพรวม ควรเน้นกฎหมายคุ้มครองเด็ก และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก นโยบาย Education for All ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2548 ซึ่งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อแก้ปัญหาการจัดการศึกษา ให้แก่ผู้ที่ไม่มีเอกสารทะเบียนราษฎร์ สร้างความเข้าใจให้แก่สถานศึกษาในประเทศไทย

ตนจึงเสนอว่ากระทรวงศึกษาธิการ ควรประชุมคณะกรรมการฯ เพราะขณะนี้ยังมีเด็กกลุ่มใหญ่ ทั้งที่มีรหัส G ของกระทรวงศึกษาธิการ และเด็กที่ไม่มีรหัส G ที่รับการศึกษาโดยองค์กรภาคประชาสังคม จัดตั้งศูนย์การเรียนตลอดแนวชายแดนไทยเมียนมา และจัดการเรียนเป็นภาษาที่เข้ากับเด็ก ภาษาชาติพันธุ์ และมีการเชื่อมโยงหลักสูตรกับเมียนมา และภาษาอังกฤษ 

นางเตือนใจ กล่าวว่า สำหรับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก นั้น เด็กจากเมียนมา เข้ามาไทยเพื่อแสวงหาความปลอดภัย มีการศึกษา และเติบโตเป็นพลเมือง ที่มีคุณภาพของอาเซียนและของโลก หากไทยได้เป็นผู้นำแนวคิดว่า เด็กที่อพยพเข้ามาหา เราจะมีพื้นที่ปลอดภัย มีการศึกษา มีหลักสูตรที่เข้ากับความเร่งด่วน และสถานการณ์ชีวิต อีกทั้งอาเซียนควรหาแนวทางร่วมมือ สนับสนุนการศึกษาของเด็ก ในบริบทการเคลื่อนย้าย องค์กรของสหประชาชาติ UNICEF UNHCR ก็ควรให้การสนับสนุน 

“ผู้ใหญ่ทุกหน่วยงานต้องเปิดใจกว้าง ก้าวข้ามข้อจำกัด กฎหมายควรส่งเสริมไม่ใช่เป็นข้อจำกัด” นางเตือนใจกล่าว

นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เน้นเรื่องกฎหมายคนเข้าเมือง แต่กรณีนี้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมี 3 เรื่อง สำหรับเรื่องการศึกษา เรามีมติ ครม. 2548 และระเบียบรับเข้าเรียน พ.ศ. 2548 ให้คนทุกคนในประเทศไทยได้รับการศึกษา

นโยบายนี้ไทยเรามองว่า การลงทุนทางการศึกษา เป็นการลงทุนที่ต่ำที่สุด  ขยายโอกาสให้ทุกคนได้เรียน เลิกจำกัดพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะในภูมิลำเนา ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ แม้ไม่มีเอกสารไม่มีหลักฐาน ก็สามารถเรียนได้ โดยไม่จำกัดพื้นที่ ดังนั้นการจัดการศึกษาที่อ่างทอง จึงไม่ได้ผิดกฎหมาย การมองว่า เด็กต้องอยู่เฉพาะชายแดนนั้นไม่จำเป็น

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยังมีเด็กอีกนับแสนคน ที่ไปเรียนที่สมุทรสาคร กทม. ที่ไม่ใช่พื้นที่ชายแดน ก็ให้เรียนเป็นปกติ และหากเรียนจบสูง ก็สามารถไปต่างประเทศ มีความรู้ความสามารถก็สามารถ เป็นโอกาสที่เรามอบให้ ในเรื่องการเข้าเมือง หากไม่ใช่เด็กสัญชาติไทย เข้าเมืองผิดกฎหมาย 
นัก กม. ชี้รัฐทำผิด ส่งเด็กต่างด้าว 126 คนกลับ ห่วงเด็กปลอดภัยหรือไม่

“เด็กเหล่านี้ผิดหรือไม่ อาจผิด แต่ ตม.ไม่เคยจับเด็ก เพราะเด็กมาเองไม่ได้ หากจับต้องจับผู้ใหญ่ ที่พาเข้ามา เมื่อเด็กเข้ามา ตอนนี้เราไม่พบความผิดกฎหมายอื่น ของคณะครู การตรวจสอบของ พม. และ ศธ. ก็ไม่มีพบความผิด เป็นเพียงการนำพามาเข้ามา การให้ที่พักพิง

หากผิดว่า ผอ.นำเข้าเมืองผิดกฎหมาย แล้วสำหรับเด็ก ในคดีอาญาหากศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด ถือว่าบริสุทธิ์ เวลานี้ยังส่งกลับไม่ได้ ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่า เป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย  หรือกลับในกรณีที่รับสารภาพ แต่กฎหมายก็ไม่ได้ให้อำนาจรัฐ ในการผลักดันใครกลับ นอกจากเป็นทหารที่มีคนล้ำเส้นพรมแดนเข้ามา” นายสุรพงษ์ กล่าว 

นายสุรพงษ์กล่าวว่า กรณีนี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถผลักดันกลับได้ ส่งกลับเมียนมา ต้องถามว่าเด็กเหล่านี้ เป็นพลเมืองเมียนมาหรือไม่ รัฐบาลเมียนมามีอำนาจรัฐ รับกลับหรือไม่ หากเขามิใช่ประชาชนเมียนมา เราก็ส่งไม่ได้ การส่งต้องรัฐต่อรัฐ การส่งกลับต้องปลอดภัย มีการดูแลที่ดี ปัจจุบันเมียนมารบกัน มีสงคราม โรงเรียนไม่เปิด เด็กจำนวนมากไม่มีที่เรียน การส่งกลับนี้เด็กจะปลอดภัยหรือไม่ 

“ตั้งแต่มีมติ ครม. 2548 มีการให้เงินสนับสนุนการศึกษาเด็ก โดยกระทรวงการคลัง โดยให้เด็กนักเรียนมีรหัส G Code ปัจจุบันมีประมาณ 8 หมื่นคน เป็นเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่เป็นเลขที่ยืนยันบุคคลว่า เขาอยู่บนแผ่นดินไทย คนเราก็ต้องดูแล หากเราช่วยกันปัญหาก็จะค่อย ๆ ได้แก้ไข การผลักดันกลับไม่ตรงกับสาเหตุ” ประธานมูลนิธิกล่าว 
นัก กม. ชี้รัฐทำผิด ส่งเด็กต่างด้าว 126 คนกลับ ห่วงเด็กปลอดภัยหรือไม่

นายวีระ อยู่รัมภ์ ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เด็กเหล่านี้รับการศึกษา เป็นไปตามนโยบายการบันทึกรหัส G และรายการทะเบียนราษฎร สำหรับเด็กเหล่านี้ การออกจากสถานศึกษา ควรหาโรงเรียนใหม่ให้ก่อน แล้วจึงย้ายมา แต่กรณีนี้เด็กต้องขาดโอกาสทางการศึกษา ไม่ได้เรียนหลายเดือน ควรแยกแยะว่า เด็กบางคนก่อนหน้านี้ เคยเรียนที่ไหนมาก่อน เมื่อเกิดสุญญากาศ ก็ต้องกลับไปหาครอบครัว เด็กกลุ่มนี้ต้องการที่สุดคือ โอกาสทางการศึกษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต เด็กเรียนจบไปก็มีชีวิตที่ดีขึ้น 
นัก กม. ชี้รัฐทำผิด ส่งเด็กต่างด้าว 126 คนกลับ ห่วงเด็กปลอดภัยหรือไม่  

ผอ.ศูนย์การเรียนไร่ส้ม กล่าวว่า เคยพบเด็กที่เรียนจบจากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6  ได้เรียนต่อจนจบปริญญา และกลับไปเปิดโรงเรียนสอนภาษาไทยที่ย่างกุ้ง เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า โอกาสในการศึกษา เป็นโอกาสพัฒนาคน การเปิดให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษา ซึ่งมีแล้วในระดับนโยบายของไทย แต่ปัญหาเกิดในทางปฏิบัติ

สำหรับเด็กในลักษณะนี้ เราจะทำอย่างไร ให้เข้ามาอย่างถูกต้อง เช่น ทำเขตการศึกษาชายแดน ทำให้ถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ทำอย่างไรที่จะคุ้มครองเด็ก ในการศึกษาในประเทศไทย การทำวีซ่าอาจเป็นไปไม่ได้ เพราะเด็กไม่ได้เป็นพลเมืองเมียนมา แต่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ มีความยากลำบาก ในการเข้าระบบกฎหมายของเมียนมา การเข้าเมืองผิดกฎหมาย ก็จะทำให้ทุกอย่างผิดไปหมด เด็กไม่รู้ บางคนมากับเพื่อน ติดมากับกลุ่มต่าง ๆ

ที่เมียนมาเวลานี้ รบกันอยู่ เด็กแสวงหาที่ปลอดภัย ทำไมเด็กไปอยู่ จ.อ่างทอง เพราะเป็นโรงเรียนที่มีที่พัก มีอาหาร มีการสอน หลายกรณีก็อยู่ที่บ้านพัก หรือบวชเณรเรียนที่วัด ทำอย่างไรให้สิ่งเหล่านี้ถูกกฎหมาย จำเป็นต้องมองหลาย ๆ มุม เพื่อเป็นอนาคตของประเทศ ของโลก”นายวีระ กล่าว 

ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนไร่ส้มฯ กล่าวว่า เด็ก ๆ ที่เข้ามาเนื่องจากหนีภัยสงคราม เด็ก ๆ มีบาดแผลในใจที่เจ็บปวดมาก ต้องเยียวยาให้เด็กรู้สึกปลอดภัย สำหรับเด็กที่ออกมานานแล้ว เมียนมาไม่ได้สงบหลายปีที่ผ่านมา สำคัญที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ คือหาที่ปลอดภัยสำหรับลูก
นัก กม. ชี้รัฐทำผิด ส่งเด็กต่างด้าว 126 คนกลับ ห่วงเด็กปลอดภัยหรือไม่