กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์รูปภาพเด็กหญิง ถูกปิดปาก มัดมือ มัดเท้า นั่งอยู่บนชักโครก ในห้องน้ำ และภาพเด็กหญิงนอนเรียงกัน 3 คน อยู่ในห้องอาบน้ำ พร้อมกับระบุข้อความ ว่า ได้รับรู้เรื่องนี้มา ไม่นิ่งนอนใจที่จะหาทางตีแผ่สู่สังคม เด็กกว่า 280 ชีวิต ต้องเผชิญกับความโหดร้ายจากสังคมภายนอกมาแล้ว ยังต้องมาเจอความโหดร้ายจากผู้ดูแล ทำไมมาตรการการทำผิดต้องมีห้องมืด ฝากสื่อด้วยนะคะ ยินดีให้ข้อมูล ฝากแชร์เพื่อเป็นสะพานบุญให้เด็กหลายร้อยชีวิตด้วยนะคะ
29 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังเจ้าของโพสต์ กระทั่งได้พูดคุยกับบุคลากรที่ทำงานในสถานสงเคราะห์ดังกล่าว โดย น.ส.เปิ้ล (นาสมมุติ) พยาบาลวิชาชีพ ระบุว่า เหตุการณ์ในโพสต์ เกิดขึ้นที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงแห่งหนึ่ง พื้นที่ จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา
น.ส.เปิ้ล เล่าว่า ตนเองเพิ่งมาทำงานในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งทันทีที่เข้ามาถึงก็สังเกตเห็นความผิดปกติ เนื่องจากเด็กที่นี่ดูไม่ร่าเริง ไม่กล้าสบตาผู้ใหญ่ เวลาพูดคุยก็จะถามคำตอบคำ หวาดกลัวพี่เลี้ยง จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเด็กมาทำแผลที่ห้องพยาบาลกับตน สังเกตเห็นว่ามีบาดแผลบริเวณขา จึงถามเด็กว่าโดนอะไรมา เด็กก็บอกว่า "โดนแม่ตี" ซึ่งแม่ที่เด็กเรียกนั้น ก็คือพี่เลี้ยงเด็ก ตนเคยรายงานผู้ใหญ่ให้ทราบ พี่เลี้ยงก็อ้างว่าเด็กดื้อ จำเป็นต้องตี
หลังจากนั้นตัวเองได้คลุกคลีกับเด็กมากขึ้น เด็กจนเด็กเริ่มไว้ใจ และมาเล่าข้อมูลให้ฟัง ว่า พี่เลี้ยงที่ทำทารุณกับเด็กนั้นมีหลายคน ที่ผ่านมาจะโดนพี่เลี้ยงลงโทษด้วยวิธีการหลากหลาย ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ อาทิ เตะจนตกบันได , ถีบตกเก้าอี้ , ถีบอัดตู้ , ขังในห้องมืด แล้วโยนตุ๊กตาน่ากลัวให้เด็ก เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการเอาเด็กไปแช่ในท่อน้ำทิ้ง ซึ่งในนั้นมีน้ำสกปรก มีทั้งแมลงสาบ สัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งเด็กจะโดนจนชิน และจะมีคำเรียกติดปากว่า "โดนลงหลุม" ซึ่งความโหดร้ายยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เด็กบางคนยังโดนขังให้นอนในห้องน้ำ บางคนโดนมัดมือมัดขา และปิดปาก เด็กบางคนโดนจับโกนผม สร้างความอับอาย
น.ส.เปิ้ล กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนรับทราบเรื่องราวจากเด็ก และเห็นภาพการถูกทารุณกรรมต่าง ๆ นานา จึงรายงานให้กับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ ก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า เพราะพี่เลี้ยงเด็กที่ก่อเหตุ ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการด้วย มีการสร้างพยานเท็จขึ้นมา โดยโยนว่าเหตุการณ์ทั้งหมด เด็กกระทำต่อเด็กเองไม่เกี่ยวข้องกับพี่เลี้ยง และสถานการณ์ก็เลวร้ายลง หลังจากที่มีภาพหลุดออกไป กลุ่มของพี่เลี้ยงได้เรียกเด็กทั้งหมดมารวมกัน แล้วเค้นถามว่าใครเป็นคนถ่ายภาพ ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับเด็ก
ดังนั้น ตนเองในฐานะพยาบาลวิชาชีพและเป็นนักจิตวิทยา รับไม่ได้กับพฤติกรรมที่กระทำกับเด็กแบบนี้ เพราะเด็กแต่ละคนที่เข้ามาอยู่ในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ ส่วนมากมาจากครอบครัวที่ไม่สามารถดูแลได้ เด็กบางคนโดนกระทำทารุณกรรมทั้งร่างกายและจิตใจมาก่อน แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในสถานสงเคราะห์ ซึ่งควรจะเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลับมากระทำกับเด็กแบบนี้ "เหมือนเด็กอยู่ในคุก" ซึ่งตนเป็นห่วงกลัวว่าในอนาคตเรื่องราวเหล่านี้จะกลายเป็นปมในใจ และทำให้เด็กเป็นโรคซึมเศร้า จึงอยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลตรวจสอบ
ด้าน นางธนภร สุเทศ ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ฯ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ยอมรับว่าเหตุการณ์ ที่ปรากฏภาพ เด็กโดนมัดมือมัดเท้า เกิดขึ้นจริง เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เด็กรุ่นพี่ กระทำต่อเด็กรุ่นน้อง โดยอาศัยจังหวะช่วงที่พี่เลี้ยงเผลอไปเข้าห้องน้ำ ประมาณ 10 นาที ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรในสถานสงเคราะห์ แต่เป็นการกระทำระหว่างเด็กด้วยกันเอง
ส่วนกรณีปรากฏภาพเด็กโดนโกนผมนั้น ขอชี้แจงว่าเด็กลายดังกล่าวป่วยเป็นโรคผิวหนัง "โรคชันนะตุ" หรือเป็นเชื้อราที่หนังศีรษะ ซึ่งภายในสถานสงเคราะห์ก็มีเจ้าหน้าที่พยาบาลในการรักษา ซึ่งการโกนผมก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนการรักษา ไม่ได้เป็นการลงโทษเด็กแต่อย่างใด
ซึ่งหลังจากมีเจ้าหน้าที่ภายในสถานสงเคราะห์ ทำหนังสือรายงานขึ้นมา เบื้องต้นได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และได้มีการแยกตัวผู้ที่ถูกกล่าวหา ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเด็ก โดยหลังจากนี้ ถ้าหากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่ามีเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรภายในมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทารุณกรรมเด็ก ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย บุคลากรทุกคนของสถานสงเคราะห์ ผ่านการอบรม และปฏิบัติตามมาตรการ เเละดูแลเด็กตามหลักสิทธิ