5 เมษายน 2566 เป็นกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เมื่อเพจเฟซบุ๊กชื่อ Bright Romance Pattaya โพสต์ภาพพระภิกษุรูปหนึ่ง กำลังนั่งตั้งจิตอธิฐานต่อพระเยซู โดยพูดตามฆราวาสที่เป็นหมอ พร้อมระบุข้อความว่า
"ศาสดาคือเข็มทิศ แต่พระเยซูคริสต์เป็นเรือ ไม่มีทางใดไปถึงสวรรค์ได้นอกจากทางพระเยซู หมอรักษาได้ตามอาการ แต่จิตวิญญาณต้องทางพระเยซูเท่านั้น"
ซึ่งกรณีดังกล่าว พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้ตอบข้อซักถามว่า การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายผิดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ อย่างไร โดยระบุว่า การที่พระภิกษุ จะไปรักษากับใคร ที่เป็นหมอบำบัดทุกข์ ป่วยเจ็บ อาพาธ ก็ไม่มีปัญหา เพราะร่างกายต้องพึ่งหมอ แต่จิตใจยังอยู่กับพระรัตนตรัย ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน
การที่จะใจแคบยอมตาย ป่วยเจ็บยังไง ใครเป็นหมอที่ไม่อยู่ในพระพุทธศาสนาจะไม่รักษา แบบนี้เรียกสุดโต่งเกินไป ส่วนใครที่เป็นหมอเชี่ยวชาญในการรักษาอาการป่วยเจ็บก็รักษาได้ แต่ไม่ใช่ว่ารักษาหายแล้วต้องมีสัญญา ต้องไปถือศาสนาคริสต์หรืออิสลาม ทางศาสนาพุทธไม่ได้มีการจำกัดความศรัทธา ไม่ได้ผูกมัด แล้วแต่เหตุผลที่คนจะเชื่อ เชื่อใครก็ได้ เชื่อศาสนาอะไรก็ได้ เพราะชาวพุทธใจกว้าง ไม่ถือเรื่องแค่นี้มาเป็นเรื่องมานั่งจับผิดจับถูกทำให้เสียเวลา
พระพยอม กล่าวว่า ถ้ารักษาแล้วโรคภัยไข้เจ็บหายได้ ถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐของพระรูปนั้น ถ้ารักษาแล้วไม่หาย เขาคงไม่ไปอีกรอบ การรักษาในจิตนุภาพยังคงมีอยู่ เป็นทางเลือกอีกทาง เป็นเรื่องเดียวกับการฉีดวัคซีนเพื่อรักษาโรค แต่ต้องรักษาให้ถูกทาง
จึงอยากฝากเตือนว่า ถ้าพระเข้าไปรักษาไม่อยากให้ทำ เพราะเห็นจากภาพ มีการพนมมือไหว้หมอที่รักษา ถ้าเป็นประชาชน ญาติโยมธรรมดา ก็ยกมือไหว้ขอบคุณตามปกติ แต่กรณีดังกล่าวเป็นพระ ยกมือไหว้มันเสียสารรูป ทางพระพุทธศาสนา ไม่ให้ไหว้ฆราวาสที่มีศีลต่ำกว่า เพียงแค่ยกมือขอบใจก็พอ