3 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา น.ส.วาสนา (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาว อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.โนนสุวรรณ ให้ช่วยเหลือ หลังสามีชื่อว่านายอรรถพล หรือต้อม (สงวนนามสกุล ) อายุ 35 ปี ได้อุ้มน้องอาร์ก้อน ลูกชายวัย 3 ขวบ ขึ้นรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า สีบรอนซ์เทา ขับหนีหายไปในอาการเครียดสติหลุด เกรงจะประสบอุบัติเหตุ หรือทำอันตรายลูกชายของตัวเอง
น.ส.วาสนา บอกว่า ก่อนหน้านี้เคยไปทำงานที่ไต้หวันด้วยกัน แต่ได้กลับมาอยู่ที่บ้านสักพักแล้ว ก็มีคนมาติดต่อจะพาไปทำงานที่แคนาดา โดยเรียกเงินคนละ 5 หมื่นรวม 2 คน 100,000 บาท จ่ายเงินไปแล้ว แต่กลับไม่ได้เดินทางไปทำงานจริง ตนกับสามีจึงได้พากันมาแจ้งความที่ สภ.โนนสุวรรณ เพราะอยากได้เงินคืน
แต่ขณะที่ ตร.กำลังสอบปากคำตนเองอยู่ สามีก็ดูท่าทางผิดปกติ ก่อนจะอุ้มลูกชายขึ้นรถเก๋งแล้วขับออกไปจากโรงพักโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน สามีเหมือนสติหลุดเพราะเครียดที่ถูกหลอก ทั้งยังเหมือนมีอาการหลอนระแวงว่าตนเองคุยเฟซบุ๊กกับคนอื่น ทั้งที่ตนไม่ได้คุย และเมื่อ 3-4 วันก่อน สามีก็ดื่มเหล้าหนักด้วย ตอนนี้เป็นห่วงลูกชายมาหากใครพบเห็นให้ช่วยแจ้งด้วย
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.40 น. วันนี้ (3 กุมภาพันธ์) เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงบุรีรัมย์ และครอบครัวได้รับแจ้งจากนางสัมผัส (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นน้า บอกว่าเจอตัวนายอรรถพล บริเวณอ่างเก็บน้ำตาหมู่ในตัวอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ จึงรีบขับรถไปหา ซึ่งทันทีที่ น.ส.วาสนา เห็นลูกชาย ก็รีบวิ่งเข้าไปอุ้มและกอดลูกชายไว้แน่น ทั้งร้องไห้ด้วยความดีที่ทั้งคู่ปลอดภัย พร้อมกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยติดตามหาตลอดทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอน
สอบถามนายอรรถพล ซึ่งยังอยู่ในอาการเบลอ ๆ พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็ให้ข้อมูลเพียงว่าเมื่อคืนพาลูกไปนอนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองโคราช ส่วนรถเก๋งที่ขับไปจำไม่ได้ว่าจอดไว้ไหน แต่เมื่อถามถึงสาเหตุว่าทำไมถึงพาลูกชายขับรถหนีหายไป นายอรรถพล ก็ไม่ได้ตอบบอกเพียงว่า เขาไม่ได้เป็นอะไร
ด้าน นางสัมผัส บอกว่า หลังจากที่ขับรถตู้มาส่งนักเรียนในพื้นที่ อ.นางรอง ก็มาจอดรถพักอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองตาหมู่ จู่ ๆ เห็นนายอรรถพล นั่งรถแท็กซี่มากับลูกชายวัย 3 ขวบ แล้วบอกให้ตนไปจ่ายค่าแท็กซี่ให้ 1,100 บาท ตนก็จ่ายให้ ตอนแรกตนไม่รู้ว่าหลานพาลูกน้อยหนีมา พอหลานบอกว่า มีคนจะตามฆ่า ทั้งยังบอกไม่ให้ตนถ่ายรูปลงโซเชียล เดี๋ยวเขาจะตามเจอ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงโทรศัพท์ไปบอกพ่อของหลาน จึงได้รู้ว่าหลานมีอาการหลอนแล้วพาลูกหนีมา จากนั้นจึงพยายามปลอบหลานเพื่อรอให้ครอบครัวมารับ เพราะกลัวจะเตลิดไปที่อื่นอีก
หลังจากทางครอบครัวเจอตัวนายอรรถพล และลูกชายวัย 3 ขวบอย่างปลอดภัยแล้ว ก็ไม่ติดใจอะไร และขอร้องไม่ให้สื่อติดตามไปสัมภาษณ์ลูกชาย เพราะไม่อยากให้เขาเครียดหรือกดดันมากกว่านี้ แต่ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยติดตามหาจนเจอและปลอดภัยทั้งคู่