ในพื้นที่ ต.ดงขวาง อ.เมืองนครพนม พบเกษตรกรกำลังเร่งปรับพื้นที่ทำการเกษตรปลูกพืชผักสวนครัว อาทิ ผักคะน้า ผักบุ้ง ต้นหอม ผักกาด นอกจากนี้ยังมีผลผลิตการเกษตรที่กำลังเก็บเกี่ยวส่งขายสู่ตลาด คือ กะหล่ำปลี หรือชาวบ้านเรียกว่ากะหล่ำห่อ หลังจากช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา สภาพอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง ส่งผลดีให้ผลผลิตการเกษตรสวยงาม โตเร็ว ให้ผลผลิตมากกว่าทุกปี ทำให้ชาวบ้านเกษตรกรริมฝั่งน้ำโขงหันมาปลูกกะหล่ำปลีมากขึ้น อีกทั้งในปีนี้ถือว่าได้ราคาสูง ตกราคากิโลกรัมละประมาณ 12-15 บาท
ซึ่งในสภาพอากาศหนาวเย็น นอกจากจะให้ผลผลิตสวยงามโตเร็ว ยังส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยทาง อบต.ดงขวาง อ.เมืองนครพนม ได้มีการประชาสัมพันธ์ จัดพื้นที่ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้เดินทางมาชื่นชมความสวยงาม ในแปลงเกษตรริมฝั่งแม่น้ำโขง รวมถึงสัมผัสธรรมชาติอากาศหนาว ริมสองฝั่งโขงไทยลาว เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเลือกซื้อผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารพิษ ไปปรุงเป็นเมนูเพื่อสุขภาพอีกด้วย
นายทองเลิศ เอมโอษฐ์ อายุ 72 ปี เกษตรกรชาวบ้านบึงหล่ม ต.ดงขวาง เปิดเผยว่า เขาทำการเกษตรมานานหลายสิบปี โดยฤดูแล้งจะปรับพื้นที่เกษตรริมฝั่งน้ำโขง ปลูกพืชผักการเกษตรหลากหลายชนิด เช่น ฟักทอง มะระ แตงกวา คะน้า ผักหวาน และบวบ เป็นต้น ซึ่งผักพวกนี้ที่จะขึ้นได้ดีในฤดูนี้ เพราะมีลักษณะที่ทนแล้งหรือชอบน้ำน้อย แต่ในช่วงหน้าหนาวนี้ ผลที่ให้ผลผลิตดี มักเป็นผักที่กินใบเป็นส่วนใหญ่ คือ กะหล่ำปลี หรือกะหล่ำห่อ
โดยปลูกบนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ตามกำลังที่ทำได้ เป็นการสร้างรายได้แบบพอเพียง ใช้เวลาปลูก 2 เดือน ก็สามารถเก็บผลลิตได้แล้ว ปีนี้ถือว่าราคาดีขายประมาณกิโลกรัมละ 12-15 บาท ช่วงนี้เก็บผลผลิตวันละประมาณ 1 ตัน สร้างรายได้วันละประมาณ 10,000 บาท ส่วนผลผลิตในภาพรวมแต่ละปีจะได้ประมาณ 15 -20 ตัน/ไร่ มีพ่อค้าแม่ค้ารับซื้อไม่อั้น หลังเก็บผลผลิตหัวกะหล่ำปลีขายหมด จะสามารถเก็บส่วนยอดหรือแขนงดอกกะหล่ำขายเป็นรายได้เสริมอีกด้วย และมีราคาสูงประมาณ กิโลกรัมละ 30-40 บาท โดยตลาดมีความต้องการสูง ลูกค้านิยมสั่งซื้อไปผัด