14 พฤศจิกายน 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า เร็ว ๆ นี้จะขอหมายศาลเพื่อค้นสถานที่ของกลุ่มนายทุนจีนสีเทา อีก 30 จุด และจะมีการออกหมายจับ 3- 4 หมายจับ ภายในสัปดาห์ ทั้งคนจีนและคนไทยที่เป็นนอมินี และภายใน 3 สัปดาห์ จะตรวจสอบให้ครบ ทั้งนอมินี คนไทย การรวบรวมพยานหลักฐานไปถึงใครก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ
ส่วนที่จะออกหมายจับเพิ่มเติม จากการตรวจสอบพบว่า ยังอยู่ในประเทศไทย แต่บางส่วนหลบหนีออกไปต่างประเทศ ซึ่งจะออกหมายจับเพื่อขึ้นแบล็คลิสต์ถาวร “ห้ามเข้าประเทศไทย” และขอหมายอินเตอร์โพล ซึ่งบุคคลเหล่านี้ทางรัฐบาลจีนก็ต้องการตัวเพราะส่วนหนึ่งมีหมายจับที่จีน จะเห็นได้ว่าบุคคลเหล่านี้จะมี 2 สัญชาติ เพื่อจะให้ตัวเองหลบหนีไปยังประเทศอื่นได้
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีน โดยทางเอกอัครราชทูตจีน ได้คุยกับตนว่า จะเดินหน้าปราบปรามไปด้วยกันเหมือนการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสาร พบบางรายเป็นคนที่ถูกจับเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ วันนี้แปลงร่างมาเป็นผับบาร์ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“วันนี้เรากำลังต่อสู้อยู่กับกลุ่มคน ที่มีฐานะทางการเงินค่อนข้างดี มีนักกฎหมายที่ดี เราก็ต้องทำให้รอบคอบ แต่ไม่ได้กลัวอะไร เพียงแต่ว่าการจับกุม ออกหมายจับ ต้องทำให้รอบคอบ”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการพาดพิงถึงนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาของนายทุนจีน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังนำข้อมูลที่ได้จากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มาตรวจสอบ ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ว่าก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย วันนี้ขอเวลาเพราะหากเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะต้องดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.สมคบฯ ซึ่งจะนำไปสู่การยึดทรัพย์ทั้งหมด
ส่วนเอกสารที่นายสันธนะ จะนำมามอบให้เพิ่มเติมนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อ ผบ.ตร. ส่งมา ตนก็จะนำมารวบรวมดูทั้งหมด วันนี้ข้อมูลที่มีอยู่เยอะมากพอสมควร จึงได้ตั้งคณะสืบสวนสอบสวนเร่งให้เร็วพยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุด