ความคืบหน้ากรณีนายณัฐพล ทองดวง อายุ 29 ปี นางอนันต์ มาเจริญศรี อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นพ่อ แลย่า ของ "น้องเจ้าขา" เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่ถูกทำร้ายร่างกายจนสาหัส ต้องนอนพักรักษาตัว เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ช่วยติดตามคดี หลังได้มีการแจ้งความกับตำรวจ สภ.บางบัวทอง แต่คดีไม่มีความคืบหน้า เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 65 ที่ผ่านมา ที่วันนี้ (2 ก.ย.) มีรายงานว่า ตำรวจสามารถจับกุมแม่ของน้องเจ้าขา และพ่อเลี้ยงได้แล้วได้แต่เมื่อคืน เบื้องต้นทั้งสองยังปฏิเสธ (อ่านเพิ่มเติม)
ล่าสุดมีรายงานทาง ตำรวจ สภ.บางบัวทอง สามารถจับกุมตัวทั้ง 2 คน ได้ที่บ้านพักใน กทม. คือ น.ส.ณัธรวิชณ์ ณ ปัตตานี อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นแม่ของ น้องเจ้าขา และ น้องพีพี และนาย ทินกร กมลศิลป์ อายุ 28 ปี (แฟนใหม่) นำตัวมาสอบปากคำพร้อมก่อนแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และหลังจากนี้จะต้องรอผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวช เพื่อตั้งข้อหาเพิ่มเติม กรณี น้องพีพี ที่โดนทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตก่อนหน้านี้ โดยขณะที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกับทางผู้สื่อข่าว
ทนายรณณรงค์ พาพ่อน้องเจ้าาขาเข้าพบ ตร.เพื่อติดตามคดี
พ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า คดีนี้มีความซับซ้อน มีความละเอียดอ่อน เกี่ยวข้องภายในครอบครัว จึงต้องรอผลพิสูจน์บาดแผลของน้องเจ้าขา จากสถาบันที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องทราบข้อเท็จที่ชัดเจนก่อน ต้องอาศัยพยานบุคคล รวมถึงพยานแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งผลทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น สารคัดหลั่ง ยังอยู่ระหว่างรอผล
เบื้องต้นผลการตรวจสอบบาดแผลร่างกายของ ด.ญ.วัย 3 ขวบ พบความผิดปกติ จึงนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐาน ขอออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ในข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส”ส่วนข้อหาอื่นอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองยังปฏิเสธ
น.ส.ณัธรวิชณ์ ณ ปัตตานี (นานา) - นาย ทินกร กมลศิลป์ อายุ 28 ปี แม่และพ่อเลี้ยงน้องเจ้าขา
ขณะที่ทางครอบครัวของน้องเจ้าขา และ น้องพีพี หลังจากที่เมื่อช่วงเช้า เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามความคืบหน้าที่ สภ. บางบัวทอง แล้ว ทางพ่อ เเละ ย่า พร้อมทั้งทนายรณรงค์ ได้เดินทางไปที่ มัสยิดอิกอม่าตุ้ล อิสลาม ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง ซึ่งเป็นสถานที่ฝังร่างของน้องพีพี
เมื่อถึงมัสยิด พ่อ เเละย่า ร่ำไห้หน้าหลุมศพ บอกว่า ขอให้น้องพีพี ช่วยดลบันดาลขอให้จับตัวคนที่ทำร้ายน้องพีพี เเละ น้องเจ้าขา พี่สาวให้ได้ ไม่ว่าจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหน ขอให้ช่วยให้น้องเจ้าขาปลอดภัย และ ยืนยันว่า ต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีคนทำร้ายหลานทั้ง 2 คนให้ถึงที่สุด
่พ่อและย่ามาที่หลุมศพน้องพีพี น้องชายน้องเจ้าขา
่พ่อและย่ามาที่หลุมศพน้องพีพี น้องชายน้องเจ้าขา
ขณะที่อิหม่าม ซึ่งเป็นคนจัดการร่าง เเละ อาบน้ำศพ ก่อนทำพิธีฝัง เล่าว่า ไม่เห็นรอยเเผลรอยทุบตี เเต่เห็นว่า มีการผ่าหลัง ผ่าศรีษะด้านท้ายทอย จึงไม่ได้พูดคุยสอบถามมากนัก จนกระทั่งเสร็จพิธีทางศาสนา ซึ่งทางครอบครัวของเด็กก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไร
ส่วน โต้ะอิหม่าม ที่ทำพิธี ก็ยืนยันว่า ตอนนี้ที่นำศพมา ก็ไม่ได้พบความผิดปกติใด ตามหลักศาสนาอิสลามจะต้องรีบฝังภายใน 24 ชั่วโมง จะไม่ฝังให้ ก็ไม่ได้ เพราะ มีใบรับรองถูกต้องถูกอย่าง ในส่วนของการจะขุดศพที่ฝังก็ทำได้ยาก เพราะตามหลักอิสลาม ร่างเป็นของพระเจ้าเเล้วจะไปยุ่งหรือทำอะไรไม่ได้ และ หากขุดหลุม เวลานี้ก็อาจจะไม่พบอะไร เเม้เเต่กระดูก เพราะที่ผ่านมาจะพบเพียงเเค่ผ้าสีข่าวที่ห่อไว้
ขณะที่นักข่าวของเนชั่น ทีวี ได้ไปคุยกับเเม่ค้า ซึ่งอยู่ภายในมัสยิด เล่าว่า เห็นเเม่ของเด็ก นำศพมาฝังตั้งเเต่ 2 เดือนที่เเล้ว จากการสอบถามคนที่เข้าไปร่วม เเม่ของเด็กอ้างว่า ลูกชาย นอนหลับ เเละก็ตายไปเฉย ๆ เเละ ก็ยังสงสัยว่าเหตุเกิดขึ้นนานเเล้ว คงไม่เหลือร่องรอยอะไร
มัสยิดอิกอม่าตุ้ล อิสลาม ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการ สภ.บางบัวทอง กล่าวย้ำว่า คดีนี้มีหลักฐานชัดเจน เเม้จะให้การปฏิเสธ เเละไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ แต่มีพยานแวดล้อม พยานหลักฐาน ใบความเห็นจากแพทย์ บุคคลที่อาศัยข้างเคียง กับบริเวณที่เกิดเหตุ รวมถึงมีข้อมูลจาก นักพัฒนาสังคม นักจิตวิทยาให้ความเห็น จึงขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ
อีกทั้งทางการแพทย์ ระบุชัดเจนว่า น้องเจ้าขา ถูกทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ได้ชี้ชัดถึงวัตถุที่ใช้ทำร้าย ยืนยันหลังจากรับแจ้งความ ตำรวจก็ดำเนินการขั้นตอนทันที จนนำมาสู่การออกหมายจับ
ส่วนการเสียชีวิตของน้องพีพี รับแจ้งความแล้ว หากได้ผลชันสูตรก็จะอายัดตัวแจ้งข้อหาเพิ่มเติมทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงเเก่ความตาย ยืนยันไม่ได้รับแจ้งข้อมูลความผิดปกติ การเสียชีวิตของน้องพีพี จากโรงพยาบาล คาดว่าสัปดาห์หน้าจะแจ้งข้อหาเพิ่มได้ พร้อมกับรับปากกับ ย่า เเละ พ่อ ว่าได้รับความยุติธรรมอยู่เเล้ว เเต่การทำงานต้องทำตามขั้นตอน
จากนั้น ย่า ของเด็กทั้ง 2 จะเข้าไปพบ นาน่า เเม่ของเด็ก ในห้องขัง เพื่อสอบถามว่า หลานเป็นอะไร เเต่ปรากฏว่า ผู้ต้องหา ไม่ประสงค์จะพูดคุยด้วยไม่ขอพบ ทำให้ ย่า ตะโกนถาม ในห้องขังถามด้วยความโกรธว่า ทำไมต้องปิดบัง ยังเเน่ใจว่าเป็นเเม่คนเหรอ และ ยืนยันว่า ไม่อโหสิกรรมให้ ทุกชาติไป ทำบุญชาติไหน กรวดน้ำคว่ำขัน ก็จะไม่อโหสิกรรมให้
ส่วนกระเเสกดดันการทำงานตำรวจ คดีนี้ ว่าไม่สนใจคดีเด็ก เเละ จะเอาผิดการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เดินทางมาประชุม เเละเร่งรัดติดตามคดี ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตำรวจรวมรวบหลักฐานตั้งเเต่ต้น พร้อมสั่งให้รองผู้บังคับการฯ ตั้งกรรมการสอบการทำงานของตำรวจ ยืนยันว่า ไม่มีความกดดัน ทุกเรื่องที่สงสัยยินดีให้สื่อมวลชน เข้ามาตรวจสอบ ไม่ถือว่าเป็นการกดดัน
ภาพการสอบสวน แม่และพ่อเลี้ยงน้องเจ้าขา