ปฏิบัติการรื้อรีสอร์ทม่อนแจ่มสะดุด ชาวบ้านฮือค้านอ้างรอคำตัดสินของศาล

วันนี้ (29 ส.ค.) ที่ จ.เชียงใหม่ มีรายงานว่า จากการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับชาวม่อนแจ่ม ยังไม่ได้ข้อยุติ ในการเข้ารื้อถอนที่พัก  5 แห่งที่กำหนดไว้ โดยใช้อำนาจตามมาตรา 25 (23) ซึ่งตลอดทั้งวัน ชาวบ้านยังคงรวมกลุ่มคัดค้าน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่รื้อถอน เนื่องจากชาวบ้านอ้างว่า ยังอยู่ในกระบวนการของศาลปกครอง ซึ่งยังไม่มีข้อยุติ โดยการเจรจา ตลอดทั้งวันต่างฝ่ายต่างอ้างกฎหมายถือครองพื้นที่ โดยชาวบ้านยืนยันว่า อยู่มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 

 

นายประเสริฐ เมธาอนันต์กุล ผู้ประกอบการแสงเหนือแคมป์ปิ้ง 1 หนึ่งในผู้ประกอบการที่จะถูกรื้อถอน เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมที่จะปฏิบัติตามหากศาลตัดสินว่าผิดจริง แต่ในช่วงระหว่างการรอพิจารณา อยากให้เจ้าหน้าที่ชะลอการรื้อถอนออกไป เพราะชาวบ้านระบุว่า พื้นที่ที่จะถูกรื้อถอนเป็นพื้นที่มรดกตกทอด ไม่ใช่นอมินี ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรม อยากให้ศาลพิจารณาคดีให้แล้วเสร็จก่อน และพร้อมที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ หากเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ตามกระบวนการ และเดินสำรวจพื้นที่จริง 

 

 

 

ด้าน นายมนตรี ปลูกปัญญา ผู้อำนวยการ ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่พักบนดอยม่อนแจ่มทั้ง 122 แห่ง มี 36 แห่ง ที่พบข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนมือถ่ายโอนไปให้กับนายทุนเข้ามาประกอบกิจการแทน รวมทั้งมีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 25 (23) ของพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่จึงมาดำเนินการรื้อถอน โดยก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเตือน และเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์ชี้แจงไปแล้ว

 

โดยล่าสุดได้ ชะลอการรื้อถอนออกไป เพราะชาวบ้านยังมีข้อโต้แย้ง ที่ระบุว่า หลักฐานภาพถ่ายที่ดินที่ถูกระบุว่า ผิดกฎหมาย เป็นภาพถ่ายไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งสามารถทำการโต้แย้งได้ในระหว่างดำเนินการ ก่อนจะนำข้อมูลไปรายงานผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาต่อไป 

 

 

 

สำหรับเป้าหมายการดำเนินการรื้อถอนที่พักบนดอยม่อนแจ่มในครั้งนี้ ประกอบด้วย หลังสวนโฮมสเตย์ ม่อนดาวเรือง ม่อนดูดาว ม่อนแสงระวี และแสงเหนือแคมปิ้ง

 

โดยวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.) ชาวบ้านจะนัดรวมตัวกัน เพื่อเดินเท้าไปยัง เทศบาลตำบลแม่แรม เพื่อยืนหนังสือคัดค้าน ก่อนจะเดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อยื่นฎีกาต่อไป