หลายคนอาจสงสัย ประเด็นการจัดซื้อจัดจ้าง หาผู้ประกอบการจัดอาหารหาร เครื่องดื่ม ให้กับสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ส.ส. และ ส.ว. ในวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร และวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา ต้องใช้งบประมาณต่อปี เท่าไหร่
"ทีมข่าวข้นคนข่าว" สืบค้นประกาศสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง รับสมัครคัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอเพื่อขอเป็นผู้ประกอบการในการจัดอาหารและเครื่องดื่มให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกรัฐสภา ในวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวันประชุมร่วมกันของรัฐสภาประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ของปีนี้)
โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีความประสงค์รับสมัครคัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอเพื่อขอเป็นผู้ประกอบการ ในการจัดอาหารและเครื่องดื่มให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกรัฐสภา ในวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา ภายใต้งบประมาณที่ได้รับจัดสรรประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จำนวนเงิน 87,880,000 บาท (แปดสิบเจ็ดล้านแปดแสนแปดหมื่นบาทถ้วน)
หลักการและเหตุผล ระบุเอาไว้ว่า โดยภารกิจที่สำคัญของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คือ การดำเนินการสนับสนุนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและการประชุมร่วมกันของรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
โดยการจัดอาหารและเครื่องดื่มเลี้ยงรับรองให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกรัฐสภา ในวันประชุมดังกล่าวนั้น ถือเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนงานที่เอื้อต่อการทำงานด้านนิติบัญญัติให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพด้วยนั่นเอง
ลองไปดูกันหน่อย ว่า ผู้ยื่นข้อเสนอต้องดำเนินการจัดอาหารและเครื่องดื่มให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ช่วงเวลา ดังนี้
1) อาหารว่างเช้า (ค่าอาหาร 150 บาท / ค่าเครื่องดื่ม 50 บาท รวม 200 บาท)
2) อาหารกลางวัน (ค่าอาหาร 350 บาท / ค่าเครื่องดื่ม 50 บาท รวม 400 บาท )
3) อาหารเย็น (ค่าอาหาร 350 บาท / ค่าเครื่องดื่ม 50 บาท รวม 400 บาท )
4) อาหารค่ำ (ไม่มีรายละเอียด)
5) อาหารรอบดึก (ไม่มีรายละเอียด)
กรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เลิกก่อนเวลา 20.00 นาฬิกา จะไม่มีการเบิกจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มมื้ออาหารค่ำและอาหารรอบดึก
(คำนวนคร่าวๆ 750 X 1,000 วันละ 750,000 บาท)
เปิดข้อเสนอแนะให้เอกชนจัดของหวานชานมไข่มุก
ทีมข่าวตรวจค้นข้อมูล พบว่า ช่วงต้นปี มีการเชิญตัวแทนหัวหน้าพรรคการเมือง ผู้แทนพรรคการเมือง แสดงความเห็น ข้อชี้แนะเกี่ยวกับคุณภาพอาหาร และการให้บริการ ส.ส. ส.ว. ท่านมีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง
1. ควรเพิ่มปริมาณอาหารและประเภทอาหารให้มีความหลากหลาย เช่น อาหารพื้นเมือง 4 ภาค อาหารฮาลาล ไก่ย่างส้มตำอย่าให้ขาด รวมไปถึงอาหารที่มีชื่อเสียงของแต่ละจังหวัด อาหารมังสวิรัติ และข้าวราดแกง เป็นต้น
2. ควรเพิ่มขนมหวานให้มีความหลากหลาย เช่น ไอศกรีม ชาไข่มุก เป็นต้น
3.ประสานงานกรมอนามัย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขตรวจประเมินคุณภาพและความสะอาดของอาหารตลอดจนภาชนะใส่อาหารของร้านอาหารในห้องรับรอง ให้เป็นไปตามมาตรฐาน
4.รวมทั้งให้บริษัทเอกชนที่ชนะการประมูล เพิ่มพนักงานเพื่อรับรายการอาหาร (Order) ใส่กล่อง กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีความประสงค์ให้ผู้ติดตามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรับอาหารแทน (ประเด็นนี้เคยเป็นข่าว นักการเมืองหอบข้าวกล่องกลับบ้าน)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 "นายวัชระ เพชรทอง" อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนขอให้ตรวจสอบการคัดเลือกผู้ประกอบการในการจัดอาหารและเครื่องดื่มให้กับ ส.ส. สภาพร้อมทำหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร สืบเนื่องจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ออกประกาศรับสมัครคัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอเพื่อขอเป็นผู้ประกอบการในการจัดอาหารและเครื่องดื่มให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกรัฐสภาในวันประชุมร่วมของรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
ซึ่งมีการประชุมคัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอ เมื่อวันที่ 3 - 4 พ.ย.65 ไปแล้วนั้น ปรากฏข่าวว่าข้าราชการที่เป็นกรรมการคัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อให้บริการอาหารในห้องอาหารรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถูกนักการเมืองซึ่งมีอำนาจในสภาโทรศัพท์ข่มขู่บังคับให้ลงคะแนนให้กับผู้ประกอบการรายหนึ่ง
ทั้งนี้ยังมีข่าวว่ามีการให้เงินจำนวน 10,000 บาท กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตัวแทนพรรคการเมือง เพื่อประเมินแบบสอบถามความพึงพอใจในรสชาติอาหารและบริการตามที่กำหนดอันเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อจริยธรรมและขัดต่อหลักการของประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด
"นายวัชระ" ระบุว่า จากกรณีดังกล่าวแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ควรต้องพิสูจน์ความจริงว่าจริงหรือไม่ และหากพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ต้องการให้การบริหารบ้านเมืองมีความโปร่งใสสุจริต ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านี้นักการเมืองในสภาก็ยังไม่ละเว้น
"ในฐานะที่ผมเป็นบุคคลตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 50 (10) ซึ่งมีหน้าที่ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ มาตรา 63 รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนจัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเข้มงวด และมาตรา 78 รัฐพึงส่งเสริมการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ"
จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรสั่งชะลอการประกาศผล และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ข้าราชการที่เป็นกรรมการ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนพรรคการเมืองที่ได้รับมอบหมายให้ประเมินแบบสอบถามความพึงพอใจในรสชาติอาหารและบริการ เพื่อธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของสถาบันนิติบัญญัติต่อไป อันถือปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560