สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก และพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ทรงเป็นพระสันตะปาปา ลำดับที่ 266 ตั้งแต่ ค.ศ.2013 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากคณะเยสุอิต เป็นพระองค์แรกที่มาจากทวีปอเมริกาใต้ เป็นพระองค์แรกที่มาจากซีกโลกใต้ และเป็นพระองค์แรกที่มาจากนอกทวีปยุโรป ตั้งแต่สมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 3 ซึ่งเป็นชาวซีเรีย ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งบิชอบแห่งกรุงโรมในคริสต์ศตวรรษที่ 8
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีพระนามเดิมว่า "ฮอร์เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ" ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1936 (พ.ศ. 2479) ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงมีพี่น้อง 5 คน พระชนกเป็นคนงานทางรถไฟ
สำหรับตำแหน่งสำคัญทางศาสนาก่อนได้รับเลือกขึ้นเป็นพระสันตะปาปา พระองค์ทรงได้รับแต่งตั้งจากนักบุญยอห์นปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา ให้ดำรงตำแหน่งอาร์ชบิชอป แห่งเขตศาสนปกครองกรุงบัวโนสไอเรส และต่อมาได้รับการสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระคาร์ดินัล เมื่อปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ระหว่างที่ทรงดำรงตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งกรุงบัวโนสไอเรสนั้น พระองค์ทรงดำรงชีวิตแบบสมถะ เช่น มักเดินทางโดยใช้รถประจำทาง หรือรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อไปปฏิบัติศาสนกิจและเยี่ยมเยียนคนยากจน ทรงประทับอยู่ในห้องชุดเรียบง่าย ทำอาหารด้วยพระองค์เอง ชาวบัวโนสไอเรสโดยทั่วไปรู้จักพระองค์ในนามของ “คุณพ่อฮอร์เฮ”
ต่อมา ภายหลังที่สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงสละสมณศักดิ์ เมื่อ ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) จึงทรงได้รับเลือกตั้งจากคณะพระคาร์ดินัล ในการประชุม “คอนเคล็ฟ(conclave)” ให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาสืบแทนนักบุญเปโตร หรือ เซนต์ปีเตอร์ เมื่อวันที่ 13มีนาคม ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) ทรงเลือกใช้พระนามว่า “Franciscus” ในภาษาละติน หรือ “Francis” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมาจากนามของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะนักบวชฟรังซิสกัน ผู้ถือความยากจน สนใจและเอาใจใส่ผู้ด้อยโอกาส ส่งเสริมสันติภาพ และรักษ์สิ่งแวดล้อม
“พระสันตะปาปา” คือ ผู้สืบทอดตำแหน่งของนักบุญเปโตร (เซนต์ปีเตอร์) ที่ได้รับอำนาจสืบทอดมาจากพระเยซูคริสตเจ้า ทรงเป็นผู้แทนของพระเยซูคริสตเจ้าบนโลกนี้ นอกนั้นยังถือว่าพระสันตะปาปาคือ บิชอปแห่งกรุงโรม
ตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปานั้น มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานประมาณ 2,000ปี โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงแต่งตั้งให้นักบุญเปโตร อัครสาวก เป็นผู้นำของบรรดาอัครสาวก จึงถือว่านักบุญเปโตรเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรก และมีผู้สืบตำแหน่งจากนักบุญเปโตรเป็นลำดับมาจนถึงปัจจุบันทั้งนี้ พระสันตะปาปายังถือว่าเป็นผู้แทนของพระเยซูคริสตเจ้าในโลก ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก อีกทั้งทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งสันตะสำนักและนครรัฐวาติกัน อันเป็นศูนย์กลางการบริหารพันธกิจของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกทั่วโลกอีกด้วย
สำหรับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในประเทศไทย ปรากฏหลักฐานว่ามิชชันนารี คณะโดมินิกัน ได้เข้าสู่ประเทศไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1511 และได้ตั้งรากฐานอย่างมั่นคงถาวร เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 9 ทรงสถาปนามิสซังสยามขึ้น (Apostolic Vicariate of Siam) เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1669 (พ.ศ. 2212) มิชชันนารีและศาสนิกชนคาทอลิก ได้นำวิทยาการจากตะวันตก มาช่วยเสริมในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ อีกทั้งยังประกอบกิจเมตตาสาธารณกุศลแก่ประชาชนโดยทั่วไป ทั้งนี้ คริสตศาสนิกชนยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์มาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากราชวงศ์จักรี ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 ณ ห้องประชุมชั้น 11 อาคารรวมจิตเพียรธรรม โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ สภาประมุขแห่งบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย นำโดยพระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกประเทศไทย (ในขณะนั้น) และอาร์ชบิชอปพอล ชาง อิน-นัม เอกอัครสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย (ในขณะนั้น) ได้ออกแถลงการ เรื่องสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จะเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการตามคำทูลเชิญของรัฐบาลไทย เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 350 ปี มิสซังสยาม
สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส เสด็จถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 12.30 น. ด้วยสายการบินอาลีตาเลีย (สายการบินประจำชาติอิตาลี) ได้รับการต้อนรับจากคณะพระสังฆราชทั้ง 11 สังฆมณฑล ทรงทำภารกิจหลายประการในประเทศไทย อาทิ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 เสด็จฯ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เสด็จฯ เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และเสด็จฯ ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ ณ สนามกีฬาแห่งชาติ เป็นต้น จนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เสด็จออกจากประเทศไทย โดยเครื่องบินของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเสด็จต่อไปปฏิบัติพระกรณียกิจต่อ ณ ประเทศญี่ปุ่น