แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอังคาร (15 เมษายน) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า เปิดกว้างสำหรับการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจีน และอ้างว่า จีนมีความจำเป็นต้องบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ขณะที่สหรัฐฯ ไม่ต้องทำข้อตกลงก็ได้ และจีนต้องการสิ่งที่สหรัฐฯ มี คือ ผู้บริโภคชาวอเมริกัน
การแถลงของทำเนียบขาวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่กำหนดให้โฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ เปิดการสอบสวนการนำเข้าแร่สำคัญ ได้แ ทองแดง, ไม้แปรรูป, เหล็ก และอะลูมิเนียม ว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่อาจนำไปสู่การขึ้นภาษีศุลกากร
ทรัมป์ระบุในคำสั่งว่า การผลิตของสหรัฐฯ และฐานอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ยังคงพึ่งพาแร่สำคัญแปรรูปจากแหล่งต่างชาติ และหากสหรัฐฯ ไม่สามารถเข้าถึงแร่สำคัญแปรรูปดังกล่าว อาจส่งผลให้การผลิตสินค้าบางอย่างสำหรับการพาณิชย์และการป้องกันประเทศในสหรัฐฯ ประสบปัญหาได้
แม้คำสั่งของทรัมป์ไม่ได้ระบุถึงจีน แต่จีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของแร่สำคัญ 30-50 ชนิด
ขณะที่จีนแสดงจุดยืนชัดเจนว่าคัดค้านการกีดกันทางการค้า และจะต่อสู้จนถึงที่สุด หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษีศุลากากรกับสินค้าจีนหลายระลอกจนถึงระดับ 145% และตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เป็น 125%
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังระบุในบทความที่ลงในหนังสือพิมพ์ของเวียดนามเมื่อวันจันทร์ ในวันเดียวกับที่เริ่มเยือนเวียดนามว่า สงครามการค้าจะไม่มีผู้ชนะ และการกีดกันการค้าไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญา พร้อมกับยืนยันว่าจะปกป้องระบบการค้าพหุภาคี และรักษาเสถียรภาพของการผลิตและซัพพลายเชนของโลก