ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ มีคำสั่งเมื่อวันอังคาร (28 มกราคม) ให้ระงับแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะระงับการจัดสรรเงินกู้ยืมและเงินให้เปล่าของรัฐบาลให้กับโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลหลายพันโครงการ ที่มีตั้งแต่ โครงการเกี่ยวกับประกันสุขภาพไปจนถึงการก่อสร้างถนน โดยคำสั่งศาลมีขึ้นเพียงไม่กี่นาทีก่อนคำสั่งของทรัมป์จะมีผลบังคับใช้ในเวลา 17.00 น. ของวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น และให้เลื่อนการบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่จะมีการไต่สวนเรื่องนี้
ก่อนหน้านั้นสำนักงบประมาณทำเนียบขาว แจ้งให้หน่วยงานต่าง ๆ ระงับกิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวกับจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงินทั้งหมดของรัฐบาลกลางไว้ชั่วคราว ระหว่างให้เวลารัฐบาลใหม่ได้ประเมินความจำเป็นของการจัดสรรเงินในแต่ละโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
แม้คำสั่งของทรัมป์ถูกระงับไว้ชั่วคราว แต่สร้างความสับสนแก่หน่วยงานภาครัฐว่าโครงการใดจะได้รับผลกระทบบ้าง ในขณะที่ทำเนียบขาว บ่งชี้ว่า จะมุ่งระงับความช่วยเหลือในโครงการที่เกี่ยวข้องกับผู้ลักลอบเข้าเมือง, เงินช่วยเหลือต่างประเทศ, การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและพลังงาน, โครงการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความครอบคลุม และการทำแท้ง
ขณะที่นักวิจารณ์ เตือนว่า คำสั่งของทรัมป์จะกระทบต่อการศึกษา, สุขภาพ, การขจัดความยากจน การบรรเทาทุกข์ในเหตุภัยพิบัติ และอีกมากมาย กระทบต่อชีวิตชาวอเมริกันในวงกว้างอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
บรรดาอัยการสูงสุดของหลายรัฐจากฝั่งพรรคเดโมแครต ประกาศจะต่อสู้ในศาลเพื่อขัดขวางคำสั่งทรัมป์ นอกจากนี้ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า รัฐบาลทรัมป์ไม่มีอำนาจยับยั้งการใช้จ่ายงบประมาณที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา และการตัดสินใจที่โหดร้ายและขัดต่อกฎหมายจะทำให้ครอบครัวชาวอเมริกันได้รับผลกระทบหนักที่สุด
รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ให้อำนาจรัฐสภาควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณ แต่ทรัมป์เคยหาเสียงไว้ว่า เขาเชื่อว่าประธานาธิบดีมีอำนาจยับยั้งการจ่ายเงินในโครงการที่เขาไม่เห็นด้วย
ความพยายามล่าสุดของทรัมป์สะท้อนเจตนาที่จะขยายอำนาจประธานาธิบดีอย่างไร้ขีดจำกัด และการต่อสู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดี ที่จะส่งผลต่อการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร อาจต้องพึ่งคำตัดสินจากศาลฎีกาสหรัฐฯ ในที่สุด
ขณะที่ประชาชนออกมาเดินขบวนใกล้ทำเนียบขาว เพื่อคัดค้านคำสั่งของทรัมป์ และสนับสนุนการจัดสรรงบของรัฐบาลกลางเพื่อปกป้องชีวิตชาวอเมริกัน และเรียกร้องปกป้องรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ในวันเดียวกันทำเนียบขาว เปิดเผยว่า นับจากทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม ได้เซ็นคำสั่งฝ่ายบริหารมากกว่า 300 ฉบับ ที่ช่วยปกป้องการลงทุนในสหรัฐฯ เกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์, เนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่มีทั้งกลุ่มอาชญากรและผู้ก่อการร้ายพ้นจากดินแดน และเรียกคืนสามัญสำนึกของหน่วยงานรัฐบาลกลาง