โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ในพิธีที่จัดขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ของอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตันในช่วงเที่ยงวันจันทร์ (20 มกราคม) ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 24.00 น. ตามเวลาไทย โดยกล่าวคำปฏิญญาณต่อหน้าจอห์น โรเบิร์ตส ประธานศาลฎีกาสหรัฐฯ ว่า “ผม โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานว่าจะบริหารงานในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยความซื่อสัตย์ และจะทำงานอย่างเต็มความสามารถที่สุด เพื่อรักษา คุ้มครอง และปกป้องรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ขอพระเจ้าคุ้มครองผม”
ทรัมป์ วัย 78 ปี สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ที่ไม่ติดต่อกัน หลังจากเจดี แวนซ์ วัย 40 ปี สาบานตนเป็นรองประธานาธิบดีคนที่ 50 และในพิธียังมีประธานาธิบดีโจ ไบเดน และจิล ไบเดน ภริยา และบุคคลผู้ทรงอิทธิพล อย่าง อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา, บิล คลินตัน และจอร์จ ดับเบิลยู รวมถึงรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส, อีลอน มัสก์, ทิม คุก และมาร์ค ซัคเคอร์เบิรก์ เขาร่วมพิธีด้วย โดยพิธีจัดในอาคารเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี เพราะสภาพอากาศหนาวจัด
นอกจากนี้ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีว่า ยุคทองของอเมริกาเริ่มขึ้นแล้วตอนนี้” และ “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะรุ่งเรืองและได้รับความเคารพ" รวมทั้งยืนยันว่าจะยังยึดมั่นหลักการ “อเมริกามาก่อน” และการกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งจะเป็นจุดเริ่มต้นของศักราชใหม่แห่งความสำเร็จของชาติ
เขายังโจมตีรัฐบาลของไบเดนเกี่ยวกับวิกฤตผู้อพยพว่า ให้ความคุ้มครองแก่อาชญากรอันตราย ที่เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และทุ่มเทงบประมาณอย่างไม่จำกัดในการปกป้องพรมแดนของต่างประเทศ แต่ไม่ปกป้องพรมแดนของสหรัฐฯ และช่วงเวลาแห่งความเสื่อมถอยของเมริกาจบลงแล้ว
ทรัมป์กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เขาเผชิญเหตุการณ์พยายามลอบสังหารด้วยว่า มีคนพยายามลิดรอนเสรีภาพและแม้แต่ชีวิตของเขา แต่เขารอดชีวิตด้วยเหตุผลเพื่อทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง
เขาประกาศด้วยว่า “วันที่ 20 มกราคม 2025 เป็นวันปลดแอก” และ “ความหวังของผม คือ การเลือกตั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้จะได้รับการจดจำว่าเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและสร้างผลลัพธ์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ”
หลังจากนั้นทรัมป์กล่าวถึงสิ่งที่เขาจะทำเพื่อเริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ในวันแรกว่า เขาจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ที่ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติที่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก เพื่อยุติการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายทันที และรัฐบาลจะเริ่มกระบวนการส่งตัว “อาชญากรต่างชาติ” กลับสู่ประเทศที่พวกเขาจากมา
เขายังประกาศด้วยว่าจะเร่งแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและค่าพลังงานพุ่งสูง และจะประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติ รวมทั้งย้ำคำสัญญาว่าจะเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ และเขาจะเริ่มยกเครื่องการค้าทันที โดยจะตั้งสำนักงานจัดเก็บรายได้จากภายนอก เพื่อรวบรวมรายได้จากภาษีศุลกากร ค่าธรรมเนียม และรายได้อื่น ๆ จากต่างประเทศ
ทรัมป์ยังบอกด้วยว่า นโยบายในรัฐบาลของเขาจะไม่นำเรื่องเชื้อชาติและเพศมาเกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัวและสาธารณะในทุกด้าน โดยจะสร้างสังคมที่ไม่คำนึงเรื่องสีผิวและเน้นความสามารถ และนโยบายอย่างเป็นทางการ คือ สังคมมีเพียง 2 เพศ ได้แก่ ผู้ชายและผู้หญิง
นอกจากนี้เขาแสดงความยินดีกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส ที่ทำให้ตัวประกันอิสราเอลได้รับการปล่อยตัวกลับบ้านเมื่อวันอาทิตย์ และกล่าวหาจีนอย่างผิด ๆ ว่า จีนเป็นผู้ควบคุมคลองปานามา และเขาจะไม่ยอมยกให้จีน และจะทวงกลับคืน
เขายังกล่าวถึงแผนการส่งนักบินอวการไปดาวอังคารว่า เขาจะขยายดินแดนของอเมริกา และปักธงชาติในดินแดนใหม่ ซึ่งรวมถึงดาวอังคาร ที่จะเป็นจุดสูงสุดครั้งใหม่ของชัยชนะและความสำเร็จ
และทรัมป์จบสุนทรพจน์ด้วยว่า “ผมยืนอยู่หน้าคุณเป็นสิ่งพิสูจน์ว่า คุณไม่ควรเชื่อว่าบางอย่างไม่สามารถเป็นไปได้ในอเมริกา ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด” พร้อมกับปิดท้ายว่า “อนาคตเป็นของเรา และ “ยุคทองของเราเริ่มขึ้นแล้ว”
ชมคลิป วินาที "ทรัมป์" กล่าวสาบานตน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47