เจฟฟรีย์ โทมัส นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมการบิน กล่าวถึงเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารของเจจูแอร์ล้อไม่กางขณะลงจอด และไถลออกนอกรันเวย์ชนกำแพงที่ปลายสุดของรันเวย์ในสนามบินนานาชาติในเมืองมูอันของเกาหลีใต้ช่วงเช้าวันอาทิตย์ว่า ไม่ควรมีกำแพงใกล้รันเวย์ และเห็นได้ว่า เครื่องบินออกนอกรันเวย์ และไถลต่อไปอีกเกือบ 100 เมตรหรือน้อยกว่านี้จนชนกำแพง เป็นเรื่องสวนทางกับมาตฐานระหว่างประเทศที่มีกำแพงตั้งอยู่ใกล้รันเวย์
เขาบอกด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลทั้งหมด แต่คาดว่า สาเหตุอันดับแรกอาจเกิดจากนกชนเครื่องบิน โดยมีภาพขณะนกชนเครื่องบินก่อนลงจอด และอาจส่งผลต่อเครื่องยนต์ด้านขวา ทำให้เครื่องยนต์อาจทำงานไม่ได้
เขาตั้งคำถามมากมายด้วยว่า หากจะพยายามลงจอดฉุกเฉินโดยล้อไม่กาง ทำไมไม่มีการฉีดโฟมดับเพลิงบนพื้นรันเวย์ ทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่รีบเข้าไปกู้ภัยทันทีที่เครื่องบินแตะพื้น และทำไมเครื่องบินวิ่งต่อไปจนไม่สามารถหยุดได้ก่อนพ้นรันเวย์ และทำไมมีกำแพงอิฐตั้งอยู่ที่ปลายสุดรันเวย์
นอกจากนี้เขาบอกว่า บางคนอาจสันนิษฐานว่าระบบไฮโดรลิกล้มเหลวหลังนกชน แต่เขาไม่เห็นด้วย เพราะสามารถใช้มือบังคับให้ล้อกางได้ แต่นักบินมีเวลาพอหรือไม่ โดยขณะนั้นเครื่องบินเหลือเชื้อเพลิงแค่ไหน หลังบินไกลจากกรุงเทพฯ ถึงโซล ทำให้อาจเหลือเชื้อเพลิงไม่พอที่จะรอและบังคับให้ล้อกาง
เขาบอกด้วยว่า สถานการณ์นกชน และปัญหาล้อไม่กาง ไม่ใช่เรื่องไม่ปกติ เคยเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว นกชนเกิดบ่อยกว่า แต่มักไม่สร้างความเสียหายต่อเครื่องบิน จึงต้องรอรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนักบิน ซึ่งยังต้องรอพบกล่องดำบันทึกเสียงในห้องนักบิน
ส่วนเกรกอรี อเลจี ผู้เชี่ยวชาญการบินและศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยลูอิส (LUISS UNIVERSITY) ของ อิตาลี แสดงความเห็นเช่นกันว่า ไม่มีหน่วยฉุกเฉินเตรียมรออยู่ใกล้รันเวย์ ไม่มีการฉีดโฟมที่รันเวย์ ทำให้สงสัยว่า การลงจอดอาจเกิดขึ้นกะทันหัน จนไม่มีเวลาพอที่หน่วยฉุกเฉินจะรับรู้การตัดสินใจลงจอดหรือไม่ นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่า ไม่ควรมีสิ่งใดในระยะใกล้รันเวย์
และมาร์โก ชาน อดีตนักบินและอาจารย์อาวุโสแผนกการบินของมหาวิทยาลัยบักกิงแฮมไชร์ นิว ยูนิเวอร์ซิตี ในอังกฤษ บอกว่า นักบินนำเครื่องบินลงแตะพื้นรันเวย์ได้ดี ราบรื่น ไม่ได้กระแทกเสียงดังจนเกิดไฟไหม้ทันที แต่หลังจากนั้นเครื่องบินชะลอความเร็วไม่ได้ จึงชนกำแพง พร้อมกับตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับปัญหาขัดข้องของระบบล้อ