ด่วน! สภาเกาหลีใต้ มีมติถอดถอน "ยุน ซอก ยอล" พ้นตำแหน่งประธานาธิบดี

14 ธันวาคม 2567 เมื่อเวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น สมัชชาแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (National Assembly of the Republic of Korea) ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติ ระบบสภาเดี่ยวของเกาหลีใต้ ได้ลงมติถอดถอนประธานาธิบดี "ยุน ซอก ยอล" ออกจากตำแหน่ง หรือ อิมพีชเม้นท์ (Impeachment) ด้วยเสียงท่วมท้น 204 ต่อ 85

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า พรรคฝ่ายค้านที่ครองเสียงข้างมากในสภาฯ ต้องการอีก 8 เสียงจาก ส.ส. ของพรรคพลังประชาชน (People Power party) หรือ PPP ที่เป็นพรรคต้นสังกัดของประธานาธิบดียุน เพื่อให้ได้เสียงเกิน 2 ใน 3 ของ ส.ส.ทั้งหมด 300 คน ซึ่งพรรค PPP ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า เปิดโอกาสให้ทุกคนโหวตตามเจตจำนงของตัวเอง และยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

มติถอดถอนประธานาธิบดียุน อันเนื่องมาจากการลุแก่อำนาจ ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากการโหวตครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ส.ส.ของพรรค PPP พากันวอล์คเอ๊าท์ออกจากสภาฯ ทำให้เสียงไม่ครบเกณฑ์ขั้นต่ำ 200 เสียง และประธานาธิบดียุน เอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด 

สำหรับครั้งนี้ อารมณ์ความรู้สึกในพรรค PPP ได้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ต่อต้านเขา หลังการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันพฤหัสบดี (12 ธันวาคม) ที่เขาตำหนิคนที่วิพากษ์วิจารณ์เขา และประกาศจะ "สู้จนถึงที่สุด" ซึ่งเป็นท่าทีที่เปลี่ยนจากท่าทีสำนึกผิด และขออภัยชาวเกาหลีใต้เมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งยังบอกด้วยว่าจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ในช่วงที่ประธานาธิบดี "ยุน" ถูกพักจากการปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อกซู จะรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดี ไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติในประเด็นนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 180 วัน แต่ระยะเวลานี้ไม่มีผลผูกพัน และถ้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติอย่างน้อย 6 ใน 9 เสียง ยืนยันมติถอดถอน ก็จะทำให้ประธานาธิบดียุน พ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และจะต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ภายใน 60 วัน โดยนายกรัฐมนตรีฮัน จะยังคงรักษาการต่อไปจนกว่าจะรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่

แต่ในกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเห็นพ้องกับมติถอดถอนของสภาฯ น้อยกว่า 6 ใน 9 เสียง จะทำให้ประธานาธิบดียุน ได้กลับมาดำรงตำแหน่ง และอยู่จนครบวาระได้อีกครั้ง ซึ่งประธานาธิบดีคนสุดท้ายที่ถูกถอดถอนได้สำเร็จ คือ "พัก กึน ฮเย" ที่ถูกถอดถอนในปี 2560 จากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริต การรับสินบนและใช้อำนาจโดยมิชอบ ทำให้เธอถูกตัดสินจำคุกถึง 20 ปี

ทั้งนี้ หลังผลการลงมติดังกล่าว ประชาชนที่ร่วมชุมนุมต่างแสดงความยินดี