svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ยอมจ่าย 9 พันล้านดอลลาร์ แลกโทษประหารมหาเศรษฐีเวียดนาม

เจือง หมี ลาน เศรษฐีนีชาวเวียดนาม ที่ก่อคดี "โกงมโหฬาร" ยักยอกทรัพย์จากสถาบันการเงินของเวียดนาม ยอมจ่าย 9,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิต

เจือง หมี ลาน (Truong My Lan) นักธุรกิจและมหาเศรษฐีชาวเวียดนามเชื้อสายจีน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการของกลุ่มบริษัทมหาชน "หวั่น ถิ่ญ ฟ้าต" (หวั่น-หยิ่น-ฟ้าต) ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของเวียดนาม ผู้สะสมคฤหาสน์หรู โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ และถูกกล่าวหาว่าทำให้ "ธนาคารใหญ่กลายเป็นตู้ ATM ส่วนตัวของเธอ"

ทั้งนี้ เมื่อวันอังคาร (3 ธันวาคม) เจืองวัย 68 ปี ได้พ่ายแพ้การอุทธรณ์ต่อโทษประหารชีวิต ในข้อหาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหนึ่งในคดีฉ้อโกงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก ที่ทำให้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ หายไปจากระบบการเงินของเวียดนาม มานานเกือบ 10 ปี
ยอมจ่าย 9 พันล้านดอลลาร์ แลกโทษประหารมหาเศรษฐีเวียดนาม

เจือง ถูกศาลนครโฮจิมินห์ตัดสินประหารชีวิตเมื่อเดือนเมษายน ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์จากธนาคารไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียล (Saigonf Commercialn Bank) หรือ SCB ไปถึง  12,400 ดอลลาร์ หรือราว 440,000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับประมาณ 3% ของเศรษฐกิจทั้งหมดของเวียดนาม ซึ่งขนาดของการฉ้อโกงนี้ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ ที่หวังจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติออกจากคู่แข่งอย่างจีน ที่อาจประสบปัญหาจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 

แต่เจืองยังมีโอกาสที่จะได้รับการบรรเทาโทษ โดยผู้พิพากษาระบุในคำตัดสินว่า โทษประหารชีวิตของเธออาจเปลี่ยนเป็นจำคุกตลอดชีวิตได้ ถ้าเธอชดใช้เงิน 3 ใน 4 ที่เธอได้มาจากการฉ้อโกง ซึ่งมากถึง 9 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 306,000 ล้านบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับเจืองว่า เธอจะยอมแลกหรือไม่
ยอมจ่าย 9 พันล้านดอลลาร์ แลกโทษประหารมหาเศรษฐีเวียดนาม

สื่อเวียดนามระบุว่า โดยทางนิตินัย เธอถือหุ้น 5% ของ SCB ซึ่งเป็นขีดจำกัดสูงสุดที่อนุญาตภายใต้กฎหมายเวียดนาม แต่ในทางพฤตินัยเธอได้ครองหุ้นทางอ้อมไปถึง 91.5% ทั้งยังตคิดสินบนหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารเพื่อปกปิดร่องรอยด้วย จึงเป็นที่มาของการทำให้ธนาคารกลายเป็นตู้ ATM ส่วนตัว และคดีฉ้อโกงของเธอยังทุบสถิติคดีคอรัปชั่นทุกคดีในอาเซียน แม้แต่คดียักยอกเงินกองทุน "วันเอ็มดีบี" (1MDB) ของมาเลเซีย ก็ยังห่างไกลแบบไม่เห็นฝุ่น