ทหารของรัฐบาลซีเรียถอนกำลังออกจากเมือง อเลปโป แล้วในวันเสาร์ (30 พฤศจิกายน) หลังจากกบฏต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด สามารถยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองได้แล้ว นักรบกบฏเริ่มบุกโจมตีแบบสายฟ้าแลบตั้งแต่วันพุธ (27 พฤศจิกายน) และรุกคืบชิงพื้นที่ฝั่งตะวันออกของเมือง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กบฏเข้าสู่อเลปโป หลังจากทหารสามารถยึดพื้นที่เมืองนี้กลับมาได้ในปี 2559 ช่วงสงครามกลางเมือง
การโจมตีครั้งนี้เป็นฝีมือของกบฏกลุ่ม ฮายัต ทาห์รี อัล-ชาม หรือ HTS ซึ่งรู้จักในอีกชื่อ คือ นัสรา ฟรอนท์ กลุ่มนี้ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นกลุ่มก่อการร้ายโดยรัฐบาลสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, ตุรกี และอีกหลายประเทศ
องค์กรสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย ที่มีสำนักงานในอังกฤษ เปิดเผยว่า การสู้รบครั้งล่าสุดนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 ราย ซึ่งรวมถึงพลเรือน 20 ราย
ส่วนกองทัพยอมรับว่า กบฏยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองได้แล้ว และมีทหารเสียชีวิตหลายสิบนาย รวมทั้งประกาศว่าจะตอบโต้ และประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ประกาศจะปกป้องเสถียรภาพและบูรณภาพทางดินแดนของประเทศ จากผู้ก่อการร้ายและผู้หนุนหลังทั้งหมด
และมีรายงานว่า หลังกองทัพซีเรียขู่ตอบโต้ มีการโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธและระเบิดทำลายเป้าหมายของกบฏในจังหวัด อเลปโปและจังหวัดอิดลิบ ที่อยู่ใกล้เคียง และอ้างว่า นักรบกบฏเสียชีวิตเกือบ 300 ราย
ขณะที่กองทัพอากาศของรัสเซียร่วมปฏิบัติการโจมตีต่อกบฏซีเรีย เพื่อสนับสนุนกองทัพของซีเรีย และแหล่งข่าวในกองทัพซีเรีย อ้างว่า ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจากรัสเซียจะเริ่มส่งถึงซีเรียภายใน 72 ชม.
สงครามกลางเมืองในซีเรียเริ่มเปิดฉากขึ้นในปี 2554 หลังจากรัฐบาลใช้กำลังรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย และกองกำลังกบฏหลายกลุ่มลุกฮือต่อสู้กับกองทัพ ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายแสนราย และอีกหลายล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน การสู้รบสงบลงหลายปีแล้ว โดยยังไม่ยุติอย่างทางการ หลังจากอิหร่านและรัสเซียช่วยให้รัฐบาลของประธานาธิบดีอัสซาดยึดพื้นที่ส่วนใหญ่และเมืองใหญ่ทั้งหมดกลับคืนมาได้
รัฐบาลซีเรียและกบฏทำข้อตกลงหยุดยิงในปี 2563 แต่ฝ่ายต่อต้านอัสซาดควบคุมเมืองอิดลิบ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือและพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดใกล้เคียง อิดลิบอยู่ห่างจาก อเลปโป 55 กม.