สำนักงานอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า พายุหม่านหยี่ ที่พัดขึ้นฝั่งที่เกาะคาตันดัวเนส เมื่อเวลา 21.40 น. ของวันเสาร์ (16 พฤศจิกายน) ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีความเร็วลมต่อเนื่องสูงสุด 196 กม./ชม. และความเร็วลมกระโชก 325 กม./ชม. และซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้อาจสร้างความเสียหายอย่างหนักและอันตรายถึงชีวิตในคาบสมุทรไบคอล ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
นอกจากนี้พายุอาจทำให้เกิดคลื่นสูง 14 เมตร ซัดชายฝั่งเกาะคาตันดัวเนส ขณะที่กรุงมะนิลาและหลายจังหวัดแถบชายฝั่งเสี่ยงเผชิญสตอร์มเซิร์จสูงกว่า 3 เมตร ภายใน 48 ชม. และเตือนว่า ประชาชนมากกว่า 7.6 ล้านคน อยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากสตอร์มเซิร์จสูง 1-3 เมตร พายุยังจะทำให้มีฝนตกหนัก ลมแรง อาจเกิดน้ำท่วมรุนแรงและดินถล่ม
ประชาชนมากกว่า 650,000 คน อพยพออกจากบ้านเรือนล่วงหน้าแล้ว ก่อนที่พายุหม่านหยี่พัดเข้าฟิลิปปินส์เป็นลูกที่ 6 ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน โดยก่อนหน้านี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 163 ราย จากพายุ 5 ลูก ที่พัดถล่ม
ทางการท้องถิ่นตัดไฟในพื้นที่เสี่ยงล้วงหน้าเพื่อความปลอดภัย และส่งทหารไปอพยพประชาชนเกือบ 100 ครัวเรือน ในหมู่บ้านชายฝั่ง 2 แห่ง เพราะกลัวว่าสตอร์มเซิร์จจะซัดกลืนบ้านเรือน นอกจากนี้บางแห่งบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวเพื่อให้ประชาชนอยู่ภายในบ้านช่วงพายุพัดกระหน่ำ และบางจังหวัดระบายน้ำจากเขื่อนเพื่อป้องกันฝนตกหนักทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมบ้านเรือน
เรือทุกชนิดตั้งแต่เรือประมงจนถึงเรือบรรทุกน้ำมันได้รับคำสั่งให้อยู่ในท่าเรือหรือกลับเข้าฝั่ง และประชาชนเกือบ 4,000 คน ติดค้างอยู่ตามท่าเรือ หลังยามฝั่งสั่งปิดท่าเรือ 55 แห่ง นอกจากนี้เที่ยวบินหลายสิบเที่ยวถูกยกเลิก
สำนักงานภูเขาไฟวิทยา เตือนด้วยว่า ฝนตกหนักจากพายุหม่านหยื่อาจทำให้ลาฮาร์ ซึ่งเป็นเถ้า ทราย และหิน ไหลหลากจากภูเขาไฟ 3 ลูก ซึ่งรวมถึง ภูเขาไฟตาอัล ทางใต้ของกรุงมะนิลา
ในเดือนตุลาคม พายุโซนร้อน “จ่ามี” และพายุไต้ฝุ่นกองเร็ย สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ฟิลิปปินส์ โดยทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม คร่าชีวิตประชาชนราว 160 ราย ขณะที่พายุไต้ฝุ่น “หยินซิง”, พายุไต้ฝุ่น “โทราจี”, พายุไต้ฝุ่น “อูซางิ” และพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” พัดเข้าฟิลิปปินส์ในช่วงสองสัปดาห์ของเดือนนี้
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น ระบุว่า พายุ 4 ลูก เคลื่อนตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกพร้อมกันในเดือนพฤศจิกายนเป็นครั้งแรกนับจากเริ่มบันทึกสถิติในปี 2494