svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ผู้ว่าการรัฐ-อัยการของเดโมแครต จับมือต้านนโยบาย “ทรัมป์”

ผู้ว่าการรัฐและอัยการสูงสุดของพรรคเดโมแครตกำลังจับมือสร้าง “พลังต่อต้าน 2.0” เพื่อผลักดันกฎหมายใหม่และการต่อสู้ทางกฎหมาย ที่จะป้องกันการบังคับใช้นโยบายอนุรักษ์นิยมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีเรียกสมาชิกสภารัฐแคลิฟอร์เนียเข้าร่วมการประชุมวาระพิเศษภายในปีนี้ เพื่อหาทางปกป้องนโยบายก้าวหน้าของรัฐในประเด็นต่าง ๆ เช่น สิทธิทำแท้ง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี และพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะยิ่งใหญ่โดยครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา และคาดว่าในสภาผู้แทนราษฎรด้วย

แถลงการณ์ของเขา บอกด้วยว่า “เสรีภาพในรัฐแคลิฟอร์จะถูกโจมตี และเราไม่อาจนิ่งเฉย”

ขณะที่ทรัมป์โพสต์ในแฟลตฟอร์ม ทรูธ โซเชียล ของเขาในวันศุกร์ว่า นิวซอมกำลังพยายามทำลายแคลิฟอร์เนียที่สวยของชาติ เขาทำให้จำนวนคนไร้บ้านและราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าควบคุมได้ และเขาต้องการเปลี่ยนแปลงกฎหมายการลงคะแนนเลือกตั้งของแคลิฟอร์เนีย เพื่อให้ตรวจสอบตัวตนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและหลักฐานพิสูจน์ยืนยันการเป็นพลเมือง

นอกจากนี้ผู้ว่าการรัฐของพรรคเดโมแครตในหลายรัฐที่เป็นฐานเสียงของพรรค เช่น แมสซาชูเสตต์ และนิวยอร์ก เจ้าหน้าที่หลายคนก็ประกาศพร้อมต่อสู้ทั้งทางกฎหมายและนโยบายเพื่อต่อต้านนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ในหลายประเด็นตั้งแต่ สิทธิการทำแท้ง, ข้อบังคับเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม, การควบคุมปืน, การบังคับใช้กฎหมายกับผู้อพยพเข้าเมือง และอื่น ๆ

ผู้ว่าการรัฐ-อัยการของเดโมแครต จับมือต้านนโยบาย “ทรัมป์”

เจ บี พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ ประกาศว่า จะปกป้องสิทธิการทำแท้ง และข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม และแคที โฮชูล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ประกาศเช่นกันว่า จะไม่ยอมวาระของรัฐบาลกลางที่ลิดรอนสิทธิที่ชาวนิวยอร์กได้รับมาอย่างยาวนาน รวมทั้งมอรา ฮีลลีย์ ผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเสตต์ส ที่ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อ 15 เดือนที่แล้วหลังการทะลักของผู้อพยพเข้าสู่รัฐว่า ตำรวจของรัฐจะไม่ให้ความร่วมมือกับแผนของทรัมป์ที่จะเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่

ความเคลื่อนไหวในเดโมแครตมีขึ้นขณะที่พรรคกำลังหาคำตอบและชี้นิ้วกล่าวโทษกันเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอังคาร และเส้นทางต่อไปในอนาคตของพรรค

ขณะที่มีเสียงสะท้อนว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเดโมแครตทอดทิ้งชนชั้นกลาง และควรให้ความสำคัญกับปัญหาปากป้องและชีวิตประจำวันของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่การหาเสียงของแฮร์ริสมุ่งเน้นเรื่องการปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพ โดยชี้ว่าทรัมป์เป็นภัยคุกคามต่อหลักการพื้นฐานนี้  และผลเลือกตั้งบ่งชี้ว่า พรรคเดโมแครตสูญเสียคะแนนเสียงในกลุ่มประชากรเกือบทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นคนผิวสี ชาวละติน ชาวฮิสแปนิกและชาวอาหรับ เป็นต้น

ส่วนผลการนับคะแนนล่าสุด ระบุว่า  ทรัมป์สามารถรวบรวมเสียงคณะผู้เลือกตั้งได้ 312 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียง และแฮร์ริสได้ 226 เสียง และพรรครีพับลิกันสามารถคว้าที่นั่งในวุฒิสภาเพิ่มรวมเป็น 52 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง ทำให้ครองเสียงข้างมากได้แล้ว และพรรคเดโมแครตได้ 46 ที่นั่ง ส่วนพรรครีพับลิกันคว้าที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 213 ที่นั่ง ใกล้ถึง 218 ที่นั่ง ที่จะทำให้ครองเสียงข้างมาก ขณะที่พรรคเดโมแครตได้ 205 ที่นั่ง

ผู้ว่าการรัฐ-อัยการของเดโมแครต จับมือต้านนโยบาย “ทรัมป์”