svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

"ทรัมป์" ไม่เชิญ 2 ตัวเต็งร่วม ครม. กวาดชัยทั้ง 7 รัฐสมรภูมิ

โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มสรรหารัฐมนตรี แต่ประกาศชัดจะไม่เชิญอดีตทูตประจำยูเอ็น และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ในสมัยแรกเข้าร่วมคณะรัฐมนตรีของ "ทรัมป์ 2.0” ขณะที่ผลคะแนนล่าสุดชี้ทรัมป์กวาดชัยชนะครบทั้ง 7 รัฐสมรภูมิ

โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอังคาร ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม ทรูธ โซเชียลของเขาเมื่อค่ำวันเสาร์ว่า เขาจะไม่เชิญนิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ และไมค์ ปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเข้าร่วมรัฐบาลชุดใหม่ ที่กำลังจัดตั้งอยู่ แต่เขาก็ชื่นชมทั้งคู่ที่ได้ทำงานร่วมกัน และขอบคุณสำหรับการทำงานรับใช้ประเทศ

เฮลีย์ ซึ่งลงสมัครแข่งกับทรัมป์เพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ แสดงออกผ่านสาธารณะทั้งในแง่สนับสนุนและวิจารณ์ทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมา และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอเพิ่งเขียนบทบความลงในวอลล์สตรีทเจอร์นัลสนับสนุนทรัมป์

นิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น

ปอมเปโอ ซึ่งไม่ใช่ผู้สนับสนุนตัวยงของทรัมป์ แต่ก็ให้การสนับสนุนเขา และยังเขียนจดหมายเปิดผนึกที่มีรายชื่อกว่า 400 คน ร่วมสนับสนุนทรัมป์เป็นประธานาธิบดี

แต่โรเจอร์ สโตน อดีตที่ปรึกษาของทรัมป์ ออกมาเตือนว่า ทั้งปอมเปโอ และเฮลีย์ ไม่น่าไว้ใจ

การประกาศของทรัมป์มีขึ้นหลังจากเขาเพิ่งแต่งตั้งซูซี ไวลส์ หนึ่งในผู้จัดการทีมหาเสียงเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตำแหน่งแรกในรัฐบาล ระหว่างการเตรียมพร้อมสำหรับกระบวนการถ่ายอำนาจ

ไมค์ ปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ

ขณะที่สื่อพากันรายงานคาดการณ์เกี่ยวกับโฉมหน้ารัฐมนตรีในรัฐบาลสมัยที่ 2 ของทรัมป์ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง ปอมเปโอ ที่เป็นหนึ่งในตัวเต็งตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่เคยร่วมรัฐบาลสมัยแรกของทรัมป์อยู่ในโผด้วย เช่น แลร์รี คุดโลว์ และโรเบิร์ต ไลท์ทิเซอร์ ทั้งสองคนเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีคลัง และโรเบิร์ต โอไบรอัน เป็นหนึ่งในตัวเต็งรัฐมนตรีต่างประเทศ

ส่วนทอม โฮแนน และชาด วูล์ฟ อาจได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ  นอกจากนี้อาจมีหน้าใหม่เข้าร่วมรัฐบาล อย่าง โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ที่อาจได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุข และอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่รวยอันดับหนึ่งของโลก อาจรับผิดชอบเรื่องการควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ

\"ทรัมป์\" ไม่เชิญ 2 ตัวเต็งร่วม ครม. กวาดชัยทั้ง 7 รัฐสมรภูมิ

ขณะที่โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ จะพบกันที่ทำเนียบขาวในวันพุธ (13 พฤศจิกายน) เพื่อหารือเรื่องกระบวนการถ่ายโอนอำนาจ ก่อนที่จะมีพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2568

และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี จะเป็นหนึ่งในบุคคลที่ต้องรับรองชัยชนะของทรัมป์ โดยรองประธานาธิบดีซึ่งเป็นประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งจะต้องเป็นประธานในการรับและนับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง

แอริโซนาเป็นรัฐสุดท้ายที่ประกาศผลเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ และทรัมป์คว้าชัยชนะในรัฐนี้ ทำให้ได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเพิ่มอีก 11 เสียง ส่งผลให้คว้าชัยชนะในรัฐสมรภูมิครบทั้ง 7 รัฐ และยังทำให้มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 312 เสียง เกินกว่า 270 เสียงที่จะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแล้ว ขณะที่แฮร์ริสมีเพียง 226 เสียง และคณะผู้เลือกตั้งจะลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีในวันที่ 17 ธันวาคม ก่อนที่รัฐสภาจะรับรองผลคะแนนในวันที่ 6 มกราคม 2568