กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF ได้จัดแสดงอาวุธ ยานพาหนะ และเครื่องมือต่างๆ ที่กลุ่มติดอาวุธของฮามาส ใช้ในระหว่างบุกเข้าไปก่อเหตุบนแผ่นดินอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2566 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน และถูกจับไปเป็นตัวประกัน 250 คน ซึ่งอิสราเอลได้ล้างแค้นอย่างหนักหน่วง จนความขัดแย้งได้ลุกลามไปถึงเลบานอนกับอิหร่าน ในสภาวะต่างๆ
อาวุธของกลุ่มติดอาวุธของฮามาส ที่ถูกนำมาจัดแสดงที่นครเทล อาวีฟ ล้วนเป็นอาวุธสังหาร เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม รวมทั้ง ปืน AK-47, เครื่องยิงจรวด และชุดสกัดกั้นขีปนาวุธในสภาวะต่างๆ ที่ผลิตโดยอิหร่าน ซึ่งมีบางชิ้นที่เสียหายมีสนิมจับ และมีบางลูกที่ติดธงปาเลสไตน์ด้านข้าง
นอกจากนี้ ยังมียานพาหนะ รวมทั้ง รถมอเตอร์ไซค์หลายคัน รถยนต์ที่พังเสียหาย, อุปกรณ์ขุดขนาดใหญ่ที่ใช้ทำลายรั้วเหล็กที่กั้นอิสราเอล กับฉนวนกาซา, ขวาน, โดรน และตีนกบสำหรับดำน้ำ
อิสราเอลได้ใช้ปฏิบัติการถล่มฉนวนกาซา อย่างหนักหน่วง หลังเกิดเหตุวันที่ 7 ตุลาคม ปีที่แล้ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ อ้างว่า ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตเกือบ 42,000 คน แต่ไม่ได้แยกว่า มีนักรบฮามาสกี่คน แต่บอกเพียงว่า มากกว่าผู้หญิงกับเด็กเล็กน้อย ส่วนตัวประกันที่เหลืออยู่ราว 100 คน ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า น่าจะเสียชีวิตไปแล้วราว 1 ใน 3
สงครามในตะวันออกกลาง ได้พัฒนาขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ และอิสราเอลกำลังเผชิญศึกใหญ่ในแนวรบด้านที่ติดกับเลบานอน แต่ก็ถล่มในพื้นที่ที่เชื่อว่า เป็นที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ ในพื้นที่ที่รู้จักกันในชื่อ ดาฮิเยห์ ตลอดคืนวันที่ 6 ตุลาคม โดยสำนักข่าว National News Agency ของเลบานอน ระบุว่า พื้นที่แห่งนี้ ถูกโจมตีมากกว่า 30 ครั้ง หนักหน่วงที่สุด นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มใช้ปฏิบัติการทางอากาศ เมื่อวันที่ 23 กันยายน
เป้าหมายที่ถูกโจมตี ได้รวมทั้ง สถานีก๊าซ บนถนนทางหลวงสายหลัก ที่มุ่งสู่สนามบินในกรุงเบรุต และคลังเวชภัณฑ์ ซึ่งบางบางครั้งมีเสียงระเบิดดัวต่อเนื่องยาวนาน ทำให้เชื่อว่า เป้าหมายที่ถูกโจมตีเป็นคลังกระสุนของฮิซบอลเลาะห์
การใช้ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในเลบานอน ทำให้ชาวเลบานอนเสียชีวิตแล้อย่างน้อย 1,400 คน ซึ่งปนกันระหว่างพลเรือน บุคลากรทางการแพทย์และพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ อีกราว 1.2 ล้านคน พากันอพยพทิ้้งถิ่นฐาน ในขณะที่อิสราเอล ระบุว่า การโจมตีมีเป้าหมายหลัก คือให้ชาวอิสราเอลกลับไปใช้ชีวิตในพื้นทางตอนเหนือของประเทศอย่างปลอดภัย