ทางการจีน รายงานในวันจันทร์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในช่วง 24 ชม. ที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้นเป็น 40,052 คน ซึ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยเพิ่มขึ้นจาก 39,506 คนเมื่อหนึ่งวันก่อน โดยหลายเมืองใหญ่ เช่น กวางโจว และ ฉงชิ่ง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละหลายพันคน และยังมีผู้ติดเชื้อวันละหลายร้อยคนในอีกหลายเมืองทั่วประเทศ
แม้ผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 36,304 คน จาก 40,052 คน ไม่มีอาการป่วย แต่การระบาดระลอกล่าสุดยังเสี่ยงสร้างภาระหนักต่อระบบสาธารณสุข และผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรลดการมุ่งตรวจคัดกรองในวงกว้าง และหันไปให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีน และให้ความรู้ในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อแก่ประชาชน
การระบาดจีนพุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ธ.ค. โดยเชื่อว่า เป็นการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ของสายพันธุ์โอมิครอน ที่แพร่ระบาดได้รวดเร็วแต่อาการไม่รุนแรง
ผู้เชี่ยวชาญ เตือนว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ควบคุมเข้มงวด ล็อกดาวน์ยาวนาน และตรวจคัดกรองวงกว้าง เป็นเรื่องยากที่จะดำเนินต่อไปได้ เพราะต้องเผชิญผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ นโยบายนี้จึงไม่ใช่แนวทางยั่งยืน เพราะเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ทั่วทั้งประเทศ
นอกจากนี้กระแสความโกรธแค้นต่อมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด โดยเฉพาะการประท้วงต่อต้านการล็อกดาวน์กำลังลุกลามทั่วประเทศ เพื่อกดดันให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ลาออก ซึ่งเป็นการท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นับตั้งแต่ สี จิ้นผิง เข้าบริหารประเทศเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น ตลาดหุ้นและค่าเงินหยวน ปรับตัวลดลงอย่างแรงทันทีที่เปิดตลาดในเช้าวันจันทร์ด้วยความกังวลต่อสถานการณ์ประท้วงที่ตึงเครียดในหลายเมือง โดยเฉพาะในนครเซี่ยงไฮ้ และ กรุงปักกิ่ง