svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

"ต้อม รชนีกร" ปล่อยโฮ จิตตกไม่กล้าออกจากบ้าน โดนบูลลี่หนักหลังทำศัลยกรรม

20 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

"ต้อม รชนีกร" ออกมาเปิดใจหลังทำศัลยกรรมยกหน้าในวัย 52 ปี พร้อมเผยความรู้สึกหลังโดนชาวเน็ตบูลลี่หนักจนไม่กล้าออกจากบ้าน

ไปทำอะไรมาบ้าง ?

"ตัดกราม แล้วก็ดึงหน้า แต่ก็ไม่ได้อย่างที่ออกข่าวมานะว่า ไปทำจมูก ไปทำตาเพิ่ม ไม่ได้ทำ เรามีความรู้สึกว่าถ้าเราเก็บไว้สัก 10 ปี 60 กว่าเนี่ย เราจะไหวมั้ยกับการไปดมยาผ่าตัด"

ถือเป็นครั้งแรกในการทำศัลยกรรม ?

"ถ้าถือว่าเป็นผ่าตัดใหญ่ ใช่ค่ะ นอกนั้นเป็นผ่าตัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำจมูกก็ไม่ได้หนักหนา แต่อันนี้คือผ่าตัดใหญ่"

เห็นบอกว่า เดิมทีการตัดกรามเป็นสิ่งที่เราไม่ได้อยากจะตัด ?

"ไม่เลย ไม่มีในหัวสมอง เพราะกรามน้อยของเรามันดูเซ็กซี่ออก เราชอบ แต่ว่ามันต้องย้อนไปตอนที่เป็นวัยรุ่น ที่ไปฉีดสารเหลวตอนอายุ 20 กว่าที่รู้ไม่ทัน แต่ได้เลาะออกไปแล้ว แต่พออายุมากขึ้นมันก็หย่อนคล้อยตาม คุณหมอบอกไม่อยากทำอะไรที่มันเกี่ยวกับสารเหลวที่เหลือ จะเลาะก็กลัวเป็นรอย คุณหมอเลยดีไซน์ว่าขอเป็นการตัดกราม แล้วเอากรามมาต่อคางได้มั้ย เพราะถ้าดึงไปเลย โดยที่ยังมีสารเหลวอยู่ หน้ามันจะแบน เราก็เลยโอเค ทำก็ทำ"

 

ต้อม รชนีกร ปล่อยโฮ จิตตกไม่กล้าออกจากบ้าน โดนบูลลี่หนักหลังทำศัลยกรรม ต้อม รชนีกร ปล่อยโฮ จิตตกไม่กล้าออกจากบ้าน โดนบูลลี่หนักหลังทำศัลยกรรม

เริ่มการทำในรอบนี้ คือมีการตัดกราม วันที่ผ่าตัด คือผ่าตัดกรามก่อนอย่างแรกและอย่างเดียว ?

"ใช่ แต่จริง ๆ แล้วตอนที่อยู่ในสัญญา คือตัดกรามแล้วดึงหน้าเลย แต่เราคิดว่ามันไม่น่าจะได้มั้ง ตัดกรามเขาบอกรอพักฟื้น 3-4 วันแล้วค่อยดึงหน้าเลย แต่พอออกมาเรียบร้อยแล้ว เรามีความรู้สึกว่าการพูดหรืออะไรมันยังไม่โอเค กลัวจะติดปัญหาละครตอนนั้นมีถ่ายละคร มนต์รักลูกทุ่ง เลยบอกงั้นขอไปถ่ายละครก่อนแล้วกันสัก 4 เดือนแล้วค่อยว่ากัน ค่อยมาดึงหน้า"

ณ ตอนนั้นตัดกรามแล้วเอามาใส่คางเลย เข้าไปอยู่ในห้องผ่าตัดนานเท่าไหร่ ?

"ไม่รู้จริง ๆ แต่รู้ว่าน่าจะมีเป็น 10 ชั่วโมงแหละ"

ตอนผ่าออกมาเห็นว่าพูดลำบากเลย ?

"ก็พูดได้นะคะ พอฟื้นคืนชีพมาก็ขอกินน้ำเลย"

การพูดระหว่างที่เราทำกรามอยู่มันชัดมั้ย ?

"มันจะมีอยู่ช่วงนึงที่มันมีเอฟเฟค เพิ่งมารู้หลังจากที่ทำ ซึ่งทุกคนจะขำ ๆ มันเป็นเรื่องธรรมดา พูดมันต้องมีปากเบี้ยวบ้าง เราก็อ้าว..เหรอ ฉันต้องถ่ายละคร ฉันต้องปากเบี้ยว ทำไง"

 

ต้อม รชนีกร ปล่อยโฮ จิตตกไม่กล้าออกจากบ้าน โดนบูลลี่หนักหลังทำศัลยกรรม ต้อม รชนีกร ปล่อยโฮ จิตตกไม่กล้าออกจากบ้าน โดนบูลลี่หนักหลังทำศัลยกรรม

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ตอนนั้นทุกคนเห็นแล้วทักเรามั้ย ทำไมมันเบี้ยวไป หรือเราเห็นด้วยตัวเราเอง ?

"มันเห็นด้วยตัวเราเอง ซึ่งมันแก้ไม่ได้ เพราะมันคือเอฟเฟคอยู่แล้ว คุณหมอบอกแล้วว่ามันจะมีนะ แต่มันจะมีอยู่แค่ประมาณเดือนนึง ณ ตอนนั้นรู้ก็ตกใจเหมือนกัน เราต้องใช้ชีวิตประจำวันยังไง กังวลใจ มีช่วงนึงที่มีคลิปหลุดไปว่า เนี่ยเป็นพิษศัลยกรรมที่ทำมา มันเอาภาพอันนั้นไป จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ มันคือเอฟเฟคตรงนี้ มันมีหลายกระแสมากที่ทำให้เรา เฮ้ย..อะไรเนี่ย"

แล้วหลังจากนั้นอีกนานมั้ย กว่าจะไปดึงหน้า ?

"ประมาณ 4-5 เดือน เพราะเราต้องถ่ายละครให้จบก่อน แล้วได้พักฟื้นประมาณ 2-3 วัน ถึงได้ไปดึงหน้า วางยาสลบ ถามว่ากลัวมั้ย กลัวทุกครั้ง กลัวที่สุดคือกลัวว่าทำแล้วไม่ฟื้น นั่นแหละคือปัญหา เรายังมี 2 หน่อต้องดูแล เรียนก็ยังไม่จบ การงานก็ยังไม่มีทำ ถ้าเราไม่ฟื้นขึ้นมาใครจะดูแล 2 หน่อ" 

แบกความกลัวและความหวังไว้ด้วยว่า มันจะดีขึ้นกว่าเดิม ?

"ใช่ค่ะ ทุกคนทำศัลยกรรม ทุกคนหวังหมดแหละ เราต้องสะกดจิตตัวเอง มันต้องสวยนะ ถามว่าเรามั่นใจในฝีมือคุณหมอมั้ย เรามั่นใจนะคะ ก่อนที่จะตัดสินใจทำ รู้อยู่แล้วคุณหมอต้องเก่ง แต่ทุกอย่างมันต้องรอเวลา"

ทำออกมาแล้วพอเข้าที่มันสวย แต่ดันมีเรื่องมีราวก่อน ระหว่างผ่าตัดดึงหน้ามันเกิดเหตุการณ์ขึ้น อย่างที่เราเห็น คือมีการถ่ายคลิป ณ ตอนที่เราทำเสร็จแล้ว ?

"เอาจริง ๆ ถ่ายคลิป ถ้าถ่ายไว้เพื่อเอาไว้ดูกันในโรงพยาบาล มันเป็นปกติอยู่แล้วที่เขาจะต้องเอาไว้ดู ไม่ได้คิดว่ามันจะมีภาพหลุด ตัวพี่เองไม่รู้เลย จนกระทั่งนอนได้สัก 4 วันแล้วมีเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่พี่เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่โทรมา เราก็รับเขาพูดว่า เจ๊เนี่ยหนูเห็นคลิปแล้วนะ เราก็ตกใจ คลิปอะไร ไม่รู้เรื่อง ผู้จัดการก็ไม่บอก แฟนก็ไม่บอก โทรศัพท์เราไม่ได้รับใด ๆ อยู่แล้ว จนกระทั่งน้องคนนี้โทรเข้ามา มันจะมีปัญหามั้ยเจ๊กับผลิตภัณฑ์ที่เราจะโน่นนี่นั่น ทำไมเขาจะต้องแต่งหน้าขนาดนั้นด้วย หนูไม่เข้าใจเลย คือเจ๊ไม่มีฝ้าไม่มีกระใด ๆ เลย แล้วอย่างนี้มันจะกระทบกับครีมของน้องมั้ย เราก็เอาแล้วมันเกิดอะไรขึ้น เราบอกโอเค ขอเจ๊ดูก่อนนะ เดี๋ยวเจ๊จะบอกให้ พอวางสายเสร็จ คุยกับผู้จัดการว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาบอกมันมีคลิปออกไปตั้งนานแล้ว"

ในคลิปคือ ณ ตอนนั้นสลบอยู่ ?

"ใช่ค่ะ"

เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าเราบ้าง ที่เราเห็นแล้วเฮ้ย ?

"เอาจริง ๆ พอหลังจากรู้ก็ให้เขาเอามาให้ดู แต่เราแหกตาดูได้แค่นี้ ตามันปิดหมดเลย เป็นคลิปที่ทุกคนอาจจะเห็นแล้ว ที่แบบนอนหลับตาอยู่แล้วหน้าตึง ๆ ในเมื่อมันหลุดไปแล้วมันทำอะไรไม่ได้ เลยช่างมันเถอะ คงไม่มีอะไร แต่ที่ผู้จัดการเล่าให้ฟัง เขาได้มีการคุยกับทางโรงพยาบาลว่า ถ้าหลังจากนี้ไป ถ้าจะมีคลิปอะไรใด ๆ ออกไป ขอดูก่อนนะ ไม่ว่าจะเป็นตัวพี่ต้อมเองหรือผู้จัดการ เขาได้รับผลกระทบเหมือนกัน จริง ๆ ผู้จัดการไม่ได้รู้ก่อนนะคะว่ามีอะไรด้วยซ้ำ แฟนคลับเจ๊เป็นคนส่งไปให้เขาดูว่า อันนี้ใช่พี่ต้อมหรือเปล่า ทำไมถึงปล่อยให้มีภาพนี้หลุดออกไปได้ยังไง เขาถึงได้มานั่งรื้อดูว่ามันมีแบบนี้ด้วยเหรอ เลยโทรไปทางโรงพยาบาลว่าขออนุญาตได้มั้ยว่าเอาออกหรือไม่ก็ซ่อน ทางโรงพยาบาลก็บอกว่าจะซ่อนให้ เขาเล่าให้เราฟังแค่นี้นะ เราก็คิดว่ามันคงจบแล้ว ภาพที่หลุดไปแล้วก็หลุดไป แต่สุดท้ายหลังจากนั้น 2 อาทิตย์ เรามีการถอดแม็กซ์บนหัว ถอดแม็กซ์ไปแล้ว ถ่ายคลิปไปแล้ว ยังมีขอถ่ายคลิปอยู่ คือมีการคุยไปเรียบร้อยแล้วนะที่โรงพยาบาลว่าหลังจากนี้ถ้ามีอะไร เราขอดูคลิป ขอดูรูปก่อนนะ แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไร ในเมื่อเขาขอถ่ายตรงนี้เราก็ให้ถ่าย คิดว่ามันน่าจะไปลงเอยตอนที่เราหน้าสวยแล้ว แล้วเอาอันนี้มาโปรโมทใช้พร้อม ๆ กัน แต่ไม่ ลงระยะเวลานั้นพอดี ซึ่งไม่ได้เป็นตามข้อตกลงที่คุยกันไว้"

"พอหลังจากนั้นมีช็อตเด็ดอีก  ผู้จัดการกับแฟนเอามาให้ดูว่ามันมีภาพที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด น่าจะยังอยู่ในห้องไอซียู ที่มันมีเครื่องช่วยต่าง ๆ ซึ่งอันนั้นช็อกมาก เรามีความรู้สึกแบบ คือไม่ได้ว่าเขานะคะ เราเข้าใจแหละโรงพยาบาลเขาอยากทำข่าว ทำกระแส หรืออะไรใด ๆ แต่มันมากระทบที่เราแล้ว ตอนแรกเราไปเดินห้าง เอาลูกไปกินข้าว เราใส่หมวก ใส่แว่น คิดว่าคนไม่ได้สนใจ คงไม่จำหรอก เพราะเราคิดว่ามีแค่ภาพนั้น แค่นอน แต่ปรากฎพอกินข้าวกับลูกเสร็จ เสร็จทุกอย่างหมดแล้ว เดินขึ้นบันไดเลื่อน ก็มีซุ้มขายของ เรายังพูดกับลูกเลย เขาจำแม่ไม่ได้หรอกลูก หน้าบวมขนาดนี้เขาต้องจำแม่ไม่ได้แน่นอน พอเดินอ้อมบันไดเลื่อนกำลังจะขึ้น หันไปมอง พนักงานขายจากที่อยู่คนละซุ้ม หัวติดกัน เราแบบ..เรียบร้อยแล้ว มันคือการใช้ชีวิตลำบากสำหรับเรามากที่เขาเอาภาพพวกนี้ไปออกก่อนที่เราจะสวย ถ้ามันสวยแล้วเอาภาพพวกนี้มา เราจะไม่ใช้ชีวิตลำบากเลย ตอนนี้จะไปไหน คือเป็นจุดที่คนพร้อมจะมองแล้วแบบบูลลี่ตลอดเวลา"

จิตใจตอนนี้มันแย่แค่ไหน ?

"มันตกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนดารา ทุกคนจะบอกว่าทำไมเธอไปออกอย่างนี้ ฉันไม่ได้เป็นคนออก ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ คือภาพที่นอนเป็นผัก นั่นคือเป็นอะไรที่เราช็อกมากนะว่าแบบมันออกไปได้ยังไง คือมันเหมือนศพ เราเข้าใจแล้วว่าทำไม fc เราถึงได้โทรไปปรี๊ดกับทางผู้จัดการ ซึ่งจุดนี้คือพูดนะคะ ไม่ใช่ไม่พูด ว่าแบบขอตอนที่เราสวยเลยได้มั้ย เพราะว่าเราก็มี fc เราอยู่" 

เวลาเห็นคอมเมนต์ไม่ดี มันมีผลต่อจิตใจเราขนาดไหน ?

"มันก็แย่นะ เราเข้าใจมีทั้งคนรักและคนเกลียด ไม่ต้องบูลลี่ขนาดนี้ก็ได้ แค่นี้ก็ช้ำพอแล้ว แต่เราไม่ตอบโต้ ไม่อ่านด้วย เท่าที่เห็นคือทุกคนให้กำลังใจนะคะ แต่ทุกคนอยากให้กลับไปเหมือนเดิมมากกว่า อย่างที่บอกว่าสวยตกใจ ก็โอเคเข้าใจแหละ คุณอาจจะตกใจช่วงแรก ซึ่งไม่ใช่แค่คุณหรอกที่ตกใจ เราก็ตกใจเหมือนกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมเมื่อไหร่ แต่ทุกคนจะบอกให้กำลังใจว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน เราก็หวังเหมือนกัน"

เห็นว่าเพื่อนลูกก็มีพูดด้วย ?
"อันนั้นลูกมาเล่าให้ฟัง เพื่อนบอกว่าข่าวแม่แกมันไปเยอะมากเลยนะ ทำไมมันดรามาขนาดนี้ แม่แกจะหน้ากลับมาเหมือนเดิมมั้ย เราก็แบบไม่ต้องเล่าให้แม่ฟังก็ได้ แม่เสียใจ นางก็บอกว่าแม่ นางก็พูดไปอย่างนั้นแหละ แม่จะไปสนใจอะไรกับมัน แล้วบอกว่าถ้าแม่หายดีเมื่อไหร่ เพื่อนขอมาหานะ"

ณ วันนี้เวลานี้ กังวลใจไปทั้งหมดในการออกนอกบ้าน ?

"กังวลใจมาก แล้วไม่ใช่แค่ออกนอกบ้านนะ กังวลใจไปถึงงานอะไรใด ๆ ที่ ณ ตอนนี้มันกระทบ เพราะงานที่เราคุยกันไว้ ติดต่อกันไว้ ง่าย ๆ เลย มันจะมีงานพรีเซ็นเตอร์ที่คุยไว้ก่อนก็มี เดี๋ยวอะไรใด ๆ เสร็จแล้วเรามาเซ็น ก็หายไปเลย 2 งาน ซึ่งแบบตรงนี้ใครรับผิดชอบ มันไม่ใช่น้อย ๆ ด้วยนะคะ แต่ไม่รู้จะไปเรียกร้องใคร ถึงได้บอกว่ามันค่อนข้างจะกระทบพอสมควร บอกตรง ๆ ณ ตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะให้เห็นด้วยซ้ำ" 

ทำไมถึงตัดสินใจออกมาสู้กับเรื่องนี้ ?
"มันหลายกระแส เยอะมาก เข้าใจนะ ทางโรงพยาบาลต้องการออกมาช่วยแก้ข่าว ต้องการออกมาช่วย แต่ยิ่งแก้มันเหมือนยิ่งไปกันใหญ่ รู้มั้ยว่าการที่เขาใช้ชีวิตของเขาลำบากมากเลยนะในแต่ละวัน เขาจะออกไปไหนเขาต้องติดเทป ไม่ใช่ค่ะ ตรงนี้ขอปฏิเสธก่อนเลย ที่บอกว่าติดเทป รู้กันอยู่ดารานางแบบ การติดเทปบางทีเราถ่ายแบบเรายังต้องติดเทปพยุงนม ติดเทปดึงตา ดึงคาง มันเป็นเรื่องปกติ ถามหน่อยเราสามารถดึงเทปได้ทั้งวันมั้ย ชั่วโมงนึงเราก็เจ็บแล้ว จะบอกว่าบางทียิ่งแก้ข่าว มันยิ่งไปกันใหญ่ ณ ตอนนี้มีความรู้สึกว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ต้องออกมาพูดบ้าง ไม่งั้นมันจะแบบใช่ ไม่ใช่ อยู่อย่างนี้ ไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับโรงพยาบาล เข้าใจตรงนี้เขาต้องทำอยู่แล้ว แล้วอยู่ในสัญญากับเขาที่เราจะต้องทำ ต้องเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่แบบมันกลายเป็นด้วยระยะเวลาที่มันออกมาที่มันไม่พอดีเวลากัน มันเลยทำให้ชีวิตของเรามันแย่ไปในช่วงเดือนนึง บอกเลยว่ามันจิตตก"

"ได้บทเรียนนะคะ ถือว่าเยอะแหละ อย่างที่เราคิดว่าทำสัญญา เขียนสัญญามันก็เหมือนกับทุก ๆ คน ทุก ๆ ที่ เหมือนกับดาราหลายคนที่ทำ คือจะต้องสวยก่อน แล้วถึงออกมาให้คนเห็น แล้วภาพจริง ๆ ที่มันออกไป อยู่ห้องไอซียู ห้องผ่าตัด จริง ๆ มันก็เอาออกไม่ได้อยู่แล้ว นั่นมันคือการผิดกฎหมาย เราไปเจอตรงนั้นเราก็ช็อกเหมือนกัน โอเคหลังจากนี้ไป ต้องทำทุกอย่างให้มันชัดเจน ไม่รู้หรอกสังคมยุคนี้ทุกอย่างมันเร็วไปหมด มันออกตามสื่อไปหมด ถือว่าเป็นบทเรียน (ศัลยกรรมในครั้งนี้เข็ดมั้ย) มันไม่ได้เข็ดหรอก จะเอาคำว่าเข็ดคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเรายังไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่เรามั่นใจว่าสวย แต่เราต้องรอบคอบกว่านี้ในการคุยกัน"

 

ต้อม รชนีกร ปล่อยโฮ จิตตกไม่กล้าออกจากบ้าน โดนบูลลี่หนักหลังทำศัลยกรรม ต้อม รชนีกร ปล่อยโฮ จิตตกไม่กล้าออกจากบ้าน โดนบูลลี่หนักหลังทำศัลยกรรม ต้อม รชนีกร ปล่อยโฮ จิตตกไม่กล้าออกจากบ้าน โดนบูลลี่หนักหลังทำศัลยกรรม ต้อม รชนีกร ปล่อยโฮ จิตตกไม่กล้าออกจากบ้าน โดนบูลลี่หนักหลังทำศัลยกรรม

 

ที่มา : รายการคุยแซ่บShow  

logoline