สาวกบลิ๊งค์ กรี๊ดกันทั่วโลกอีกแล้ว !!
แสดงความยินดีกันไม่หวาดไม่ไหวจริงๆ กับสาวน้อยมากด้วยความสามารถคนนี้ มิใช่ใครกัน “ลิซ่า - ลลิษา มโนบาล” (Lisa) สมาชิกชาวไทยและน้องเล็กแห่งเกิร์ลกรุ๊ปวง “แบล็กพิงก์” (BLACKPINK) ที่ล่าสุดได้รับการยืนยันจาก “กินเนสส์บุ๊ก” หรือ “กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด” (Guiness Book of World Records) ว่าเธอคือ...เจ้าของสถิติโลกของอีก 3 รายการ !!
ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป สายเลือดไทยที่ได้รับความนิยมอย่างสูงคนหนึ่งของวง BLACKPINK เนื่องจากใบหน้าที่สวยงาม และความสามารถที่โดดเด่น ทำให้เธอ ได้รับรางวัลต่างๆมากมายเช่น รางวัลจากแกออนชาร์ตเคป็อปอะวอดส์ ในสาขาศิลปินหน้าใหม่แห่งปี, เพลงแห่งปี ประจำเดือนสิงหาคม และเดือนพฤศจิกายน อีกทั้งยัง เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนแรกอย่างเป็นทางการของ Celine, เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ BVLGARI อีกด้วย
Guinness World Records ประกาศยืนยันสถิติ "ลิซ่า BLACKPINK" เพิ่ม 3 รายการใหม่ จากผลงานเดี่ยว หลังก่อนหน้านี้เคยทุบ 2 สถิติจากยอดวิว MV เพลง Lalisa
กดติดตามอ่าน >> BLACKPINK member Lisa begins solo career by smashing YouTube record
ล่าสุด เว็บไซต์ guinnessworldrecords ได้ประกาศว่า ลิซ่า BLACKPINK ได้ทำสถิติเพิ่มอีก 3 รายการ ได้แก่
หลังจากก่อนหน้าที่ ลิซ่า ได้ทำสถิติในฐานะศิลปินหญิงเดี่ยว ยอดวิวยูทูบสูงสุดใน 24 ชม.จากเพลง LALISA อยู่ที่ 73.60 ล้านวิว ซึ่งเป็นซิงเกิลเดี่ยวที่ปล่อยออกมาในเดือนกันยายน 2564 ถือเป็นก่อนทำลายสถิติเดิมของเพลง Me ร้องโดย เทย์เลอร์ สวิฟต์ มียอดวิวอยู่ที่ 65.2 ล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโมง
จากเดิมหลังจากปล่อยผลงานเพลงเดี่ยวชุดแรกคือซิงเกิลอัลบั้ม LALISA เมื่อเดือนกันยายน ปี 2021 “ลิซ่า” ก็ส่งมิวสิควิดีโอเพลง LALISA ทำสถิติโลกเอ็มวีโดยศิลปินเดี่ยวที่มียอดวิวสูงสุดใน 24 ชั่วโมงแรกทางยูทูปมาแล้วที่ 73.6 ล้านครั้ง
ซึ่งผลงานชุดนี้ เพลงนี้ทำให้ "ลิซ่า" คือ ศิลปินเดี่ยวเคป็อปเจ้าของเอ็มวียอดวิว 24 ชั่วโมงแรกสูงสุดบนยูทูปไปด้วย เรียกว่าปังไม่หยุดจริงๆ เพราะหลายสถิติของเธอมาจากเพลงเดี่ยวที่ปล่อยเมื่อปลายปี 2021 ทั้งสิ้น!! (ชวนคอข่าวสายลิซ่า มาฟังเพลง LALISA อีกสักพันรอบ ดีมั้ยยู!!)
นอกจากนี้ ลิซ่า ยังสามารถคว้ารางวัล "BEST K-POP" ที่งาน MTV Video Music Awards 2022 ได้จากผลงานเดี่ยว "LALISA" อีกด้วย นับเป็นศิลปินเดี่ยว K-POP คนแรกที่ชนะรางวัลสาขานี้ และเธอยังเป็นศิลปินเดี่ยว K-POP คนแรกที่ชนะรางวัล MTV Europe Music Awards
ขณะเดียวกัน ลิซ่า ยังเป็นเจ้าของสถิติ ศิลปิน K-POP ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดใน Instagram โดยยอดล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ติดตามแล้ว 86.3 ล้านคน
ประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์
กลายเป็นประเด็นร้อน เกิดแฮชแท็ก #LisaLeaveYG ฮือฮาไปทั่วโลก หลังจากที่สื่อต่างประเทศต่างมีรายงานข่าวว่า สะเทือนอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลก ถึงกรณีที่มีค่ายต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ ประเทศจีน ต่างเสนอราคาเพื่อให้ ลิซ่า "ลลิษา มโยบาล" หรือ ลิซ่า Blackpink" ย้ายจากค่าย YG หรือ หลังจากที่หมดสัญญาจาก
สำหรับจำนวนเงินที่เป็นกระแสข่าวนั้น สูงถึง 81 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1 แสนล้านวอน ซึ่งถ้าตีเป็นไทยจะอยู่ที่ประมาณ 2.7 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรื่องราวนี้ได้ถูกกล่าวถึงตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา หลังจากที่ศิลปินจากค่าย YG ได้ทะยอยกันเริ่มหมดสัญญา และตัดสินใจทั้งต่อสัญญา รวมถึงย้ายไปสังกัดที่ค่ายอื่น และอีกไม่กี่เดือนที่กำลังจะถึงนี้ นั่นก็คือ ส.ค. 2023 ทางด้านของ 4 สาว "Blackpink" ก็จะหมดสัญญาลงเช่นกัน และหากจะต่อสัญญากับค่ายเดิมจะต้องทำสัญญาอย่างน้อย 2-3 ปี
ระดับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศได้มีการแสดงความคิดเห็นว่า หากค่ายเพลง YG Entertainment ต้องการที่จะให้ 4 สาว "Blackpink" รวมถึง ลิซ่า เซ็นสัญญาต่อ คาดการณ์ว่า น่าจะต้องเสนอเงินค่าต่อสัญญากว่า 2 หมื่นล้านวอน หรือ อย่างน้อยประมาณ 500 กว่าล้านบาท ซึ่งโอกาสที่ "Blackpink" จะต่อสัญญานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเพียงอย่างเดียว
แต่การทำหน้าที่ในฐานะวงเกิร์ลกรุ๊ปร่วมกันต่อ และที่แสดงให้เห็นนั้นสาวๆทุกคนต่างรักกันดี แต่อีกมุมหนึ่งทั้ง 4 สาวก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์ ถึงความต้องการที่จะมีชีวิตเหมือนคนทั่วไป ซึ่งจะต้องรอติดตามข้อเท็จจริงกันอีกครั้งว่า ในวันที่หมดสัญญาทั้ง 4 คน จะตัดสินใจอย่างไร
ทั้งนี้ "Blackpink" นับได้ว่า เป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่เปลี่ยนมาตรฐานวงการ K-POP รวมถึงทรงอิทธิพลทั้งในระดับเอเชีย และระดับโลก ซึ่งสร้างมูลค่าให้กับทางค่ายเพลงต้นสังกัด รวมถึงไม่ว่าจะเคลื่อนไหวทำอะไรก็ส่งผลต่อราคาหุ้นของ YG Entertainment เสมอ และยังเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมระดับโลก อาทิ วงการแฟชั่น และแบรนด์ดังต่างๆ
โดยเฉพาะ "ลิซ่า Blackpink" ที่กลายเป็นสายไทยคนแรกที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก เพราะด้วยความสามารถที่ไม่เหมือนใครแล้ว เธอยังมีพัฒนาการที่ไม่เคยหยุดจริงๆ แถมยังมีความสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา อาทิ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ภาษาญีปุ่น และภาษาจีน
ต้องติดตามกระแสนี้กันต่อไป หากมีความคืบหน้าจะเกาะติด หยิบมารายงานในครั้งต่อไป #ทีมลิซ่าไทยแลนด์ #ป้าบางนา