svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ส่องเทรนด์ "10 ธุรกิจดาวรุ่ง - ดาวร่วง" ปี 2566

"ม.หอการค้าไทย" จัดอันดับ 10 กลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง - ดาวร่วง ในปี 2566 โดยธุรกิจการแพทย์และความงาม ยังเป็นธุรกิจเด่น อันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ขณะที่กลุ่มธุรกิจ ตามเทรนด์ดิจิทัล เข้ามาติด 1 ใน 10 อันดับเป็นปีแรก ส่วนธุรกิจดาวร่วง ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด คือ ธุรกิจฟอกย้อม

นายวชิร  คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รายงานผลกาวิเคราะห์ “10 ธุรกิจ ดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2566”  ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนนใน  5  ด้าน รวม 100 คะแนน ได้แก่ ยอดขาย , ต้นทุน , ส่วนต่างของยอดขายต่อต้นทุน หรือ กำไรสุทธิ  ,ผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยง และ การแข่งขัน และ ความต้องการของตลาด รวมไปถึงปัจจัยสนับสนุนทางด้านเศรษฐกิจ

โดยกลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง อันดับ 1 ยังเป็นของ ธุรกิจการแพทย์และความงาม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ได้คะแนนสูงสุด 96.3 หลังจากได้กลับมาเปิดธุรกิจเต็มรูปแบบ และถือว่าเป็นไปตามการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ ,การดูแลเรื่องความงามมีมากขึ้น รวมถึงนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  อันดับ 2 เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น และมีต้นทุนการดำเนินการต่ำ

 

ส่วนอันดับ 3 เป็นธุรกิจใหม่ที่เข้ามาติดอันดับเป็นปีแรก ตามเทรนดิจิทัลได้แก่ ธุรกิจโซเชียลมีเดีย และออนไลน์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ที่ประชาชน รับชมภาพยนตร์ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง , ธุรกิจด้าน Fintech การชำระเงินฝากระบบเทคโนโลยี และ ธุรกิจงานคอนเสิร์ต - มหกรรมแสดงสินค้า - งานอีเว้นท์ ตามแรงหนุนจากภาคการท่องเทียว

อันดับ 4 เป็นธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจการทำคอนเทนต์ ยูทูป การรีวิวสินค้า และนักรีวิวสินค้า (Influence) และธุรกิจโฆษณาและสื่อออนไลน์

อันดับ 5 ได้แก่ ธุรกิจแพลตฟอร์มกลาง หรือ ตลาดกลางทางอิเล็กทรอนิกส์

อันดับ 6 ได้แก่ ธุรกิจประกันภัย -ประกันชีวิต และธุรกิจบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ

อันดับ 7 ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรม ทัวร์ และที่เกี่ยวเนื่อง และธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่

อันดับ 8 ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์ ดิลิเวอรี่ และธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เช่น น้ำ เครื่องซักผ้า อาหาร

อันดับ 9 ได้แก่ ธุรกิจ E-Sport , ธุรกิจอาหารเสริม , ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์)

อันดับ 10 ธุรกิจยานยนต์  โดยมีธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจความเชื่อ , ธุรกิจบันเทิงละคร หนัง ซีรี่ย์วาย และธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา - ใบกระท่อม

ส่วน 10 อันดับดาวร่วง อันดับ 1 คือ ธุรกิจฟอกย้อม และธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์-วารสาร  ได้คะแนนเพียง 8.6 จากเต็ม 100 คะแนน ,อันดับ 2 ได้แก่ ธุรกิจรับ-ส่งสื่อสิ่งพิมพ์ตามบ้าน  ,อันดับ 3 ธุรกิจคนกลาง  , อันดับ 4 ร้านขายหนังสือ ,อันดับ 5 ธุรกิจเครื่องปั่นดินเผา - เซรามิก  ,อันดับ 6 ได้แก่ ธุรกิจร้านถ่ายรูป และธุรกิจหัตถกรรมอันดับ 7 ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปโหล ,อันดับ 8 ธุรกิจคลิปโต  ,อันดับ 9 โรงเรียนเอกชน และอันดับ 10 ธุรกิจร้านโชห่วย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า ธุรกิจในไทย เริ่มเปลี่ยนไปตามการส่งเสริม Digital Economy  และ เทรน BCG  ที่คนหันมาดูแลสุขภาพ รวมไปถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงอยู่ ทำให้ปีหน้า ธุรกิจการแพทย์ยังคงโดดเด่น และปรับไปสู่ธุรกิจบริการมากขึ้น

ซึ่งในปีหน้า ภาคการท่องเที่ยว และการบริโภค จะฟื้นตัวดีขึ้นเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ทดแทนภาคการส่งออก ที่เริ่มชะลอตัวลงชัดเจนในช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้นจึงสนับสนุนภาครัฐ ออกมาตรการกระตุ้นเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน

ทั้งในด้านการท่องเที่ยวการขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิง รวมไปถึงมาตรการช้อปดีมีคืน ที่จะทำให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงไตรมาสแรก โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะขยายตัวได้ 3.6%

ส่องเทรนด์  \"10 ธุรกิจดาวรุ่ง - ดาวร่วง\" ปี 2566