3 กันยายน 2565 "บัตรคนจน" จะเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ในวันที่ 5 ก.ย.นี้ โดย นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง พร้อมเปิดลงทะเบียน โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ "บัตรคนจน" ปี 2565 ตั้งแต่ 5 กันยายน – 19 ตุลาคม 2565
ในการสมัคร "บัตรคนจน" รอบใหม่จะผ่าน 7 หน่วยงานรับลงทะเบียน ได้แก่
บัตรคนจน หรือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
นอกจากนี้ยังสามารถลงทะเบียนผ่าน เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ คลิกที่นี่ โดยผู้ที่ถือบัตรคนจน หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว รวมทั้งผู้ที่ไม่เคยมีบัตรฯ ต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน !!
ทั้งนี้ กระทรวงคลัง จะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่ 2565 ภายในเดือนมกราคม 2566 ผ่านทั้ง 2 เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ด้วย
สำหรับ แนวปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องการจะลงทะเบียน บัตรคนจน มีดังนี้
1. การลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ คลิกที่นี่ พร้อมดำเนินการ ดังนี้
2. กรณีที่ผู้ลงทะเบียนสะดวกลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ผู้ลงทะเบียน จะต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ครบถ้วน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน พร้อมบัตรประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมา
3. กรณีผู้ลงทะเบียนเป็นผู้พิการผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้แบบฟอร์มการลงทะเบียนและหนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของโครงการฯ
บัตรคนจน หรือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เตรียมลงทะเบียนใหม่
สำหรับ สิทธิประโยชน์ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน เพื่อลดภาระค่าของชีพประชาชนผู้มีรายได้น้อย เช่น
นายอนุชา ยังกล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี 26 กรกฎาคม 2565 อนุมัติ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มี "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือ "บัตรคนจน" วงเงิน 5,336.8304 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ยังคงปรับสูงขึ้นนี้ โดยเป็นการกำหนดมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตามกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด