นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ( รมว.คลัง ) ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีประกาศผลและมอบรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ ครั้งที่ 14 โดยมี นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และนายอธิศานต์ วายุภาพ ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมทั้งสื่อมวลชนจำนวนมาก ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลในพิธีมอบรางวัล ณ แกรนด์ บอลรูม โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัลกรุงเทพฯ
นายอาคม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ก้าวข้ามวิถีใหม่ ขับเคลื่อน SME ไทย สู่ความยั่งยืนด้วย BCG” โดยได้ให้แนวคิดของการพัฒนาธุรกิจในยุคหลังโควิด-19 ไปสู่การพัฒนาที่เน้น ความสมดุล ความยั่งยืน และความครอบคลุม (balance, sustainable and inclusive growth) โดยอาศัยโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวหรือ BCG Model (Bio-Circular-Green)
เป็นเครื่องมือสำคัญ
อีกทั้งได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับรางวัลว่า การส่งเสริม สนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี เป็นภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลมาโดยตลอด เนื่องจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ดยมีสัดส่วนต่อ GDP เท่ากับร้อยละ 34.63 ในปี 2564 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1.5 ล้านล้านบาท และส่งเสริมการจ้างงาน ราว 12 ล้านคน รัฐบาลได้บูรณาการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันส่งเสริม สนับสนุน เอสเอ็มอีไทย ให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น โดยมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
โดยการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือของภาครัฐผ่านโครงการต่าง ๆ ที่พร้อมให้การสนับสนุนตั้งแต่ระดับฐานราก และในทุกช่วงวงจรธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม ในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีฯ คลัง เผยอีกว่าในวันนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาพบกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่เป็นต้นแบบที่มีการบริหารจัดการที่ดี มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมที่จะเป็นแบบอย่าง และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อื่น ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเวทีการประกวดรางวัลนี้ เปิดกว้างให้ทุกท่านได้เรียนรู้ตนเอง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างเครือข่ายทางการค้า ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกต่อไป
ผู้อำนวย สสว. กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจที่สำคัญของ สสว. คือ การสรรหาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีความสามารถใน การบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานที่ดี มีความโปร่งใส และมีธรรมาภิบาล เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายอื่น ๆ รวมถึงการต่อยอดและขยายโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับรางวัลสามารถสร้างรายได้และเพิ่มยอดขายของธุรกิจ เอสเอ็มอีได้
ในปีนี้ ได้มีการปรับเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกรางวัลให้เพิ่มเติมแนวคิดของ BCG ในหลักเกณฑ์ของการประเมินรางวัลฯ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนแนวคิดของภาครัฐที่ต้องการเร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้น เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ BCG Model มีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติอย่างน้อย 5 เป้าหมาย ได้แก่ การผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ความหลากหลาย ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การลดความเหลื่อมล้ำ อีกทั้งยังสอดรับกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย
สำหรับการประกวดปีนี้ มีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมการประกวดรางวัล จำนวน 1,002 ราย โดยมีผู้ประกอบการผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์การตัดสินที่กำหนดไว้ได้รับรางวัล จำนวน 40 ราย ได้แก่ รางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ จำนวน 13 ราย รางวัล SME ดีเด่น จำนวน 27 ราย และในปีนี้มี การมอบรางวัลพิเศษ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจ อีก 7 รางวัล ได้แก่ รางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ ยอดเยี่ยม ซึ่งมอบให้สำหรับผู้ประกอบการที่มีผลคะแนนรวมสูงสุดในปีนี้ รางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ 3 หรือ 5 ปีซ้อน รางวัล SME โดดเด่นด้านนวัตกรรม รางวัล SME โดดเด่นด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน และรางวัล SME โดดเด่นด้านการปรับกลยุทธ์พิชิต Covid-19
นายสมบัติ โรจนสถาพรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออลล์เวล ไลฟ์ จำกัด บริษัทที่ได้รับรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติยอดเยี่ยมในปีนี้ กล่าวถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของบริษัทฯ ในการสมัครเข้าประกวดรางวัลอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ว่า บริษัทฯ ได้รับประโยชน์อันมีคุณค่า คือรางวัลช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนที่ร่วมธุรกิจกับบริษัท ทำให้ได้รับโอกาสในการติดต่อธุรกิจใหม่ๆ ช่วยเพิ่ม ขีดความสามารถขององค์กรให้เติบโตไปสู่ตลาดโลกต่อไป เมื่อ 4 ปีที่แล้ว บริษัทมีบุคลากร 60 คน มียอดขาย 143 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีบุคลากร 80 คน มียอดขาย 253 ล้านบาท สิ่งที่สำคัญคือ บริษัทมี การพัฒนาการรอบด้านที่ดียิ่งขึ้นๆ อีกทั้งเป็นการรวมพลังสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อรางวัลสุดยอดในปีต่อไป
นายกฤษณ์ แจ้งจรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม.วาย.อาร์.คอสเมติคส์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทที่ได้รับรางวัลรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ 5 ปีซ้อน กล่าวถึงข้อดีจากการประกวดรางวัลสุดยอดเอสเอ็มอีแห่งชาติว่า การประกวดทาให้บริษัทเกิดการแก้ไข ปรับปรุงและพัฒนาให้ทันต่อการแข่งขัน ในปัจจุบัน สามารถแก้ไขจุดอ่อนที่เกิดขึ้นในแต่ละปี ที่สำคัญรางวัลนี้สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ในการใช้สินค้าและบริการของบริษัท จนทาให้บริษัทมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องได้รับการยอมรับจากลูกค้า พร้อมสามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้อย่างดีเยี่ยม โดยในปี 2564 บริษัททายอดขายได้มากกว่า 50 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลปีนี้คาดว่า สามารถสร้างมูลค่ายอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้น 1,101 ล้านบาท