svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

หมัดต่อหมัด ผกก.โคกเคียน – ผบก.นราธิวาส โต้เดือดปมสั่งเด้ง

หมัดต่อหมัด ผกก.โคกเคียน – ผบก.นราธิวาส ปมถูกนายสั่งเด้งพ้นพื้นที่ฐานละเลยปล่อยให้เกิดเหตุ ขณะที่ลูกน้องดับเครื่องชน

เหตุรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นถี่ยิบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้ ยังมองไม่เห็นว่า รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะแก้ไขกันอย่างไร นอกจากสั่งยกระดับมาตรการ รปภ.เหมือนที่เคยๆ ทำ แล้วอีกสักพักก็ลืมๆ กันไป

 

แต่ปรากฏว่า ได้เกิดปัญหาใหม่แทรกขึ้นมา คือ การอัดคลิปเปิดใจแบบ “ดับเครื่องชน” ของ พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส หลังถูกคำสั่งย้ายไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ(ศปก.) ตำรวจภูธร จ.นราธิวาส โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม หลังเกิดเหตุระเบิด “โชเล่ย์บอมบ์” ที่ริมกำแพงแฟลตตำรวจ และแรงระเบิดทำให้มีเด็กนักเรียนท่องจำอัลกุรอาน หรือ “นักเรียนฮาฟิซ” ได้รับบาดเจ็บเกือบ 10 ราย

 

หมัดต่อหมัด ผกก.โคกเคียน – ผบก.นราธิวาส โต้เดือดปมสั่งเด้ง

 

สาเหตุที่บอกว่าเป็น “ปัญหาใหม่” ก็เพราะข้อมูลที่ ผกก.สภ.โคกเคียน แฉออกมานั้น คือความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้นในแวดวงตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง ซึ่งต้องทำงานร่วมกันเพื่อความอุ่นใจของประชาชน แต่กลับมีการเล่นพรรคเล่นพวก ตัดแข้งตัดขากันเอง

พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ วันนี้ต้องเรียกได้ว่าถูกย้ายขาดจากตำแหน่งเดิมแล้ว ต้องรอลุ้นว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ หรือหลุดวงโคจรไปเลย

 

วันที่ถูกสั่งย้าย มีประชาชนเดินทางไปให้กำลังใจ พ.ต.อ.วีรยุทธ พร้อมทั้งแสดงเจตนารมณ์คัดค้านคำสั่งย้าย ต้องบอกว่า มีไม่บ่อยครั้งนักที่จะเกิดภาพแบบนี้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

 

พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส

 

ล่าสุด พ.ต.อ.วีรยุทธ ได้อัดคลิปคำพูดเปิดใจ ความยาวกว่า 10 นาที ส่งมาให้สื่อมวลชนบางแขนง และ “เนชั่นทีวี” โดยเจ้าตัวบอกว่า หลังจากถูกย้าย ก็ได้ลาพัก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยลา และไม่เคยทิ้งพื้นที่เลย ช่วงนี้จึงถือว่าได้พักเหนื่อย

กรณีที่ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส อ้างว่าคำสั่งย้าย ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง แต่เป็นเพราะละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีระเบิดเกิดขึ้นในพื้นที่หลายครั้ง โดยข้ออ้างของผบก.ภ.จว.นราธิวาส เกี่ยวกับเหตุระเบิด 3 เหตุการณ์ คือ เหตุระเบิด 4 จุดในอำเภอเมืองนราธิวาส พื้นที่รับผิดชอบของ สภ.โคกเคียน , เหตุระเบิดในสนามบินนราธิวาส เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นวันที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่ พร้อมกับรองนายกฯภูมิธรรม เวชยชัย  และ เหตุระเบิด “โชเล่ย์บอมบ์” ล่าสุดนั้น จริงๆ แล้วตนไม่ได้ปล่อยปละละเลยแต่อย่างใด

 

โดยเหตุระเบิด 4 จุด เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ตนได้รับแจ้งจากกองกำลังภาคประชาชน และกำนันผู้ใหญ่บ้านก่อนว่าพบวัตถุต้องสงสัย จึงได้เข้าพื้นที่ตั้งแต่แรก จากนั้นจึงเกิดระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ได้ควบคุมพื้นที่ และเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น

 

ส่วนเหตุระเบิดในสนามบินนราธิวาส ตนไม่ใช่ผูัรับผิดชอบพื้นที่โดยตรง เพราะเป็นพื้นที่สนามบิน ตนจะเข้าไปยังต้องแลกบัตร แต่เมื่อเกิดเหตุ ก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ กระทั่งจบภารกิจ

 

ล่าสุดเหตุระเบิด “โชเล่ย์บอมบ์” ได้วางกำลังมอนิเตอร์สถานการณ์เอาไว้ เรียกว่า “ปราการส่วนหลัง” และลูกน้องของตนก็เห็นคนร้ายก่อน แต่ไม่สามารถใช้อาวุธยิงสกัดกั้นได้ เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุมีเด็กและประชาชนจำนวนมาก

 

ขณะที่การดูแลพื้นที่ ก็ได้ตั้งด่านตรวจด่านสกัด และวางกำลังทั้งชั้นนอก ชั้นใน รวมถึง “ด่านป๊อปอัพ” ซึ่งหมายถึงการตั้งด่านที่เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า เนื่องจากทราบดีว่า ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส เป็นพื้นที่ไข่แดง ฉะนั้นจึงไม่เคยละเลยการปฏิบัติหน้าที่แม้แต่วันเดียว

 

ในขณะที่ตนลงพื้นที่ตลอด และทำงานต่อเนื่องไม่เคยหยุดเลย แต่ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ที่สั่งย้ายตน ขอถามว่าเคยลงพื้นที่บ้างหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยลงเลย ไม่เคยไปเยี่ยมลูกน้อง ไม่เคยมาตรวจโรงพักโคกเคียน เท่าที่ตนเห็น มีแต่ไปวิ่งไปรับ VIP แม้แต่ขาเจ็บเดินกะเผลก ใช้ไม้เท้า ก็ยังอุตส่าห์ไปต้อนรับนักการเมือง

 

ทำไมช่วงนี้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงรุนแรงขึ้น ทำให้ชาวบ้านไม่มีขวัญกำลังใจ จึงอยากให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลลงมาดูที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ทั้ง 3 จังหวัด คือ นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ว่าทำงานกันอย่างไร มีความโปร่งใสหรือไม่ ทั้งเรื่องงบประมาณ น้ำมันเชื้อเพลิง สวัสดิการต่างๆ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ที่ใช้อารมณ์ในการทำงาน ทุกอย่างมีบันทึกไว้หมด เนื่องจากเป็นการประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งยังมีประเด็นเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ข้ามหัวตำรวจในพื้นที่ด้วย

 

ผบช.ภ.9 - ผบก.นราธิวาส โต้เดือด

 

พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9

 

ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า ได้ดูข่าวแล้ว ก็ไม่ลงโทษ แต่จะให้ไปปรับแนวความคิด ไปปรับศักยภาพในการทำงาน

 

สาเหตุที่ต้องโดนย้าย เพราะหน่วยหรือที่ตั้งหน่วย โดนโจมตีไม่ได้ มิฉะนั้นความเชื่อมั่นของประชาชนอยู่ไม่ได้ ถ้ายังรักษาหน่วยไม่ได้ก็ไม่ต้องดูแลประชาชน ถ้าดูแลโรงพักไม่ได้ ไม่ต้องไปดูแลชาวบ้าน

 

ส่วนที่ พ.ต.อ.วีรยุทธ เรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในส่วนกลางลงพื้นที่ตรวจสอบความไม่โปร่งใสต่างๆ ในตำรวจภูธรภาค 9 นั้น  พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า “ไม่ต้องลงมาตรวจสอบ เพราะตรวจสอบอยู่แล้ว”

 

พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส

 

ขณะที่ พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผู้บัคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องย้าย เพราะเขาคุมสถานการณ์ไม่ได้ ทางหน่วยมีการแจ้งเตือนไปแล้ว มีการวางแผน วางมาตรการให้ แต่เขาไม่ปฏิบัติตาม สาเหตุที่เขาโดนประจำ เพราะเขาไม่วางมาตรการป้องกันตามที่สั่งการไป

        

คือในช่วง 6 เดือน เกิดเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง จะเกิดอีกไม่ได้ และหน่วยที่ตั้งโดนไม่ได้ ต้องระวังเต็มที่ ยิ่งมีข่าวว่าจะเกิดเหตุ แล้วมาบอกว่าสุดวิสัย มันไม่ได้ ต้องหามาตรการป้องกัน

 

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.อ.วีรยุทธ กล่าวหาว่า ไม่ทำงาน เอาแต่ไปต้อนรับ VIP ฝ่ายการเมืองนั้น ประเด็นนี้ พล.ต.ต.ไมตรี บอกว่า ในฐานะเจ้าบ้าน นักการเมืองคนไหนมา เราก็ต้องไปรับในฐานะเจ้าบ้าน

 

ส่วนกรณีที่ พ.ต.อ.วีรยุทธ อ้างว่า ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ไม่เคยไปตรวจเยี่ยมที่โรงพัก หรือไปก็แค่ไปด่า แล้วกลับนั้น พล.ต.ต.ไมตรี ได้ส่งเอกสารบันทึกการตรวจเยี่ยม สภ.โคกเคียน เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 และข้อสั่งการต่างๆ ให้เฝ้าระวังหน่วย และที่ตั้งหน่วยไม่ให้ถูกโจมตี เพื่อเป็นการยืนยันว่า เคยมีการไปตรวจเยี่ยมโรงพัก และสั่งการทั้งหมดแล้ว แต่ ผกก.ไม่ทำตาม จึงถูกย้าย

 

หมัดต่อหมัด ผกก.โคกเคียน – ผบก.นราธิวาส โต้เดือดปมสั่งเด้ง

 

ยังมีข้อเท็จจริงอีกด้านจากตำรวจในพื้นที่ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุระเบิดโชเล่ย์บอมบ์ ได้มีการประชุม และออกมาตรการป้องกัน โดยผู้บังคับบัญชายังเตือนด้วยว่า ต่อไปโรงพักอันตรายมาก ถึงขั้นเจาะจงด้วยว่าริมกำแพงนี่แหละ หลังแฟลตตำรวจนี่แหละ เป็นจุดที่เขาจะมา ให้วางมาตรการป้องกันเอาไว้ 

 

ครั้งแรกบอกให้คุยกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน กลางคืนขอปิดถนนได้ไหม ปิดเฉพาะตรงนั้น เพราะมีทางผ่านอีกเส้นแล้วอ้อมหน้าโรงพักได้ แต่เขาก็ไม่ทำแล้ว ทางผู้นำชุมชนก็บอกว่าเขายินดีออกมาช่วย เขาจะเอา ชรบ. มาช่วย แล้วก็สั่งอีกว่าให้ออกมาคุย ให้เอา ชรบ. มาช่วย แต่ ผกก.ก็ไม่ทำ

 

คือหลายสิ่งหลายอย่าง ผู้บังคับบัญชาสั่ง เขาไม่ทำ รองผู้การไปตรวจก็ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ที่สำคัญที่สุดเขาไม่เคยนอนที่บ้านพัก ก่อนหน้านี้ตำรวจภูธรนราธิวาสได้คุยกัน เราตกลงกัน เพราะผู้บังคับบัญชาเขาสั่งมาว่า ที่ตั้งต้องไม่เกิดเหตุ ต้องไม่ถูกกระทำ เพราะถ้าหน่วยถูกกระทำ ชาวบ้านเขาก็หมดศรัทธา ตำรวจเองยังโดน ให้หามาตรการป้องกัน

 

ทุกโรงพักต้องวางมาตรการป้องกัน ต้องมีมาตรการป้องกัน แต่เขาไม่ทำ พอเขาไม่ทำ ผู้ใหญ่ไปตรวจก็ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ผู้บัญชาการท่านก็รู้

    News Hub