แก๊งทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ได้ประกัน “บิ๊กเต่า” ยันเป็นสิทธิ

27 มีนาคม 2568 ความคืบหน้า ปฏิบัติการทลายเครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ภายใต้ชื่อปฏิบัติการสยบนาคี ล้างบางเส้นทางยาเถื่อน ที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปปป. สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้ทั้งหมด 12 ราย และขอออกหมายจับ 8 ราย เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 2 ราย และยี่ปั๊ว 6 ราย  ยังมีการเรียกแม่ข่ายใน จ.ลพบุรี มาแจ้งข้อกล่าวหา อีก 4 ราย รวมเป็น 12 ราย มี แพทย์หญิงบรินดา ที่สั่งจ่ายยา และ พันเอกหญิง กัญญารัตน์ ที่เป็นหัวหน้าขบวนการ 


ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า หลังจากพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ได้สอบปากคำผู้ต้องหาในขบวนการทุจริตยา โรงพยาบาลทหารผ่านศึกไปเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) และกลุ่มผู้ต้องหา ก็ยื่นประกันตัวไปแล้ว 7 คน ในวงเงินตั้งแต่ 250,000-400,000บาท โดยพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัว ทั้ง พันเอกหญิงกัญยารัตน์ หัวหน้าขบวนการ แพทย์หญิงบรินดา แพทย์ที่สั่งจ่ายยาเกินจากความเป็นจริงให้กับคนไข้ และกลุ่มยี่ปั๊ว

แต่ยังเหลืออีก 1 ราย คือนางสาวอภิญญา ผู้ต้องหาที่ 8 ตามหมายจับ ยังอยู่ระหว่างการรอยื่นประกันตัว ซึ่งมีรายงานว่ายังหาหลักทรัพย์อยู่ ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้ในห้องควบคุมตัวที่ อาคารศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กองบังคับการปราบปราม


 

ส่วนเหตุผลที่ให้ประกันตัว กับขบวนการกลุ่มนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และบางคนก็ยังรับราชการ บางคนก็มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และให้ความร่วมมือ ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี และมองว่าพยานหลักฐานที่มี เพียงพอแล้วที่จะดำเนินคดี รวมถึงไม่ได้กังวลว่าจะมีการไปทำลายพยานหลักฐาน หรือไปข่มขู่พยาน หากพบส่าไปข่มขู่พยานก็จะถอนประกันทันที

ทั้งนี้จากการสอบปากคำ ทั้งหมดให้การปฏิเสธ  โดย แพทย์หญิงบริดา ไม่ขอให้การใดๆ จะทำคำให้การมาภายหลัง ส่วน พันเอกหญิงกัญยารัตน์ ขอไปให้การในชั้นศาล ขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่นๆ เฉพาะกลุ่มรับซื้อยา หรือยี่ปั๊ม ให้การภาคเสธ ว่ารับซื้อจริง แต่คิดว่าเป็นยาถูกต้อง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ย้ำว่า แม้แพทย์หญิงบริดา จะไม่มีเส้นทางการเงินโยงไปถึง แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่บ่งบอกว่า หมอได้รับผบประโยชน์จากขบวนการนี้แน่นอน
 

“หมอเป็นปัญหาที่ทำก่อนหน้านี้แล้วติดปัญหา แต่ต้องทำให้กลมมีการโยงใย ซึ่งหมออาจจะระวังเลยไม่มีเส้นเงิน แต่มีพยานหลักฐานที่ชี้ว่า หมอมีผลประโยชน์ตรงนี้ และพยานหลักฐานได้ดำเนินการไว้เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าหมอมีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้แน่นอน”
 

ส่วนความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกด้วยว่า กลุ่มยี่ปั๊ว คือสมปราช และสุรี ซึ่งเป็นยี่ปั๊วเถื่อน และร้านค้าที่ไปตรวจค้นเมื่อวานนี้ มีพยานหลักฐาน แชทไลน์ เส้นทางการเงิน บันทึกข้อมูลการซื้อขายไว้ ดังนั้นพนักงานสอบสวนต้องมาพิจารณาจะผิดในข้อหาสมคบ และฟอกเงินหรือไม่ เพราะตำรวจอยากจัดการขบวนการในตลาดมืด

ส่วนบางร้านขายยาที่มีการลบแชทข้อความไปแล้ว อาจจะรู้ทัน ดังนั้นจึงต้องไปตรวจสอบโค้ดนัมเบอร์ว่า จำหน่ายไปที่ไหนยังไง และเมื่อวานที่ไปตรวจค้นแล้วไม่เจอ เจ้าหน้าที่ไม่ได้หวังว่าจะเจอ แต่หวังให้สังคมรับทราบว่าสิ่งที่ร้านยาทำคือไปหายามาจากตลาดมืดมาขายให้กับประชาชน

ส่วนร้านยาที่ไม่มีลักษณะร้านขายยาเลยนั้น ก็เป็นร้านที่ไม่มีใบอนุญาตเลย พนักงานสอบสวนก็ดำเนินคดีไปแล้ว และคงได้มีการเรียกร้านค้ามาสอบปากคำแล้ว ซึ่งพยานหลักฐานที่ได้รับมา มรเส้นทางการเงิน และแชทข้อความ ซึ่งร้านยาเหล่านี้ต้องให้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ได้

และทางคดีแม้ ปปท.จะบอกว่าจบแล้ว แต่ในแง่พนักงานสอบสวนยังไม่จบเต็ม 100% เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนขยายผลกับแถว 2 แถว 3 ซึ่งเชื่อว่ามีหลายคน แต่ก็จะต้องดูเจตนา และพยานหลักฐานหลายส่วน เพื่อเดินหน้าคดีต่อไปให้สุด เพราะไม่อยากจะบอกว่าหยุดชะงักแค่นี้ แต่ต้องการเอาตัวจริงที่ได้รับผลประโยชน์ และต้องการเอาเจ้าหน้าที่จริงๆที่เข้าไปดำเนินการทุจริตเรื่องนี้มารับโทษ รวมถึงต้องการเปิดให้สังคมรับทราบ ขบวนการที่เลวร้ายในการนำเอาวิชาชีพมาประพฤติมิชอบ

 

เร่งหา "บิ๊กบอส" ที่ใหญ่กว่า "พญ.-พ.อ.หญิง"
 

และนอกจากเครือข่ายกลุ่มนี้ ยังมีข้อมูลที่ทำกันอีก อีกหลายกลุ่ม และคิดว่าน่าจะมีเกินเฟส 2 เฟส 3 โดยอยู่ระหว่างให้กรมบัญชีกลางไปดูการเบิกจ่ายยาที่ผิดปกติ และ ทราบข้อมูลจาก ปปท.แล้วมีการทำธุรกรรมที่ผิดปกติหลายที่

ส่วนจะมีตัวการที่ใหญ่กว่า พ.อ.หญิง กัญยารัตน์ หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้น ขณะนี้ยังไม่พบ ส่วนจะมีการเอาเงินสดไปให้หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผล และยังพูดไม่ได้ว่ามีหรือไม่มี แต่การกระทำความผิดนี้เป็นความผิดปัจเจกบุคคล ไม่ใช่ทั้งองค์กร และหมอทุกคนไม่ได้มีพฤติการณ์ตามนี้

ทั้งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในเร็วๆ นี้ จะมีการดำเนินการกับกลุ่มที่กระทำการทุจริตยา ในลักษณะคล้ายกับขบวนการนี้ ซึ่งเป็นการทำเลียนแบบ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เป็นในลักษณะของการใช้สิทธิ์ของคนไข้ในการเบิกจ่ายยาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้