26 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 06.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 18 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ลพบุรี ปราจีนบุรี และชลบุรี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตเบิกจ่ายยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ก่อนนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก
โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรก อยู่ที่บ้านพักของ พันเอกหญิง กัญญารัตน์ (สงวนนามสกุล) ข้าราชการบำนาญ ในย่านเกียกกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา "เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ม.157 ,เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ ,เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร อันเป็นเท็จ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ" หลังพบพยานหลักฐานว่า พันเอกหญิงดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก เนื่องจากเป็นหัวหน้าขบวนการ ทำหน้าที่จัดหาเครือข่ายบุคคลจากจังหวัดลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ส่งให้กับแม่ทีมเครือข่าย เพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่าย จะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายสำคัญอีกหนึ่งจุด คือ บ้านพักของแพทย์หญิงบรินดา (สงวนนามสกุล) ผู้ชำนาญการ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ย่านลาดพร้าว 71 โดยตัวของแพทย์หญิงรายนี้เองก็ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ เนื่องจากเป็นคนทำหน้าที่สั่งจ่ายยา โดยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริงให้กับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้
สำหรับที่ไปที่มาของปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้พลเอกเดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ให้ดำเนินการคดีกับขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เพื่อนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก หลังพบว่ามีการทุจริตมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน
โดยร่วมกันทำเป็นขบวนการ มีพันเอกหญิง กัญญารัตน์ เป็นหัวหน้าขบวนการ วางแผนตระเตรียมให้แม่ขายจัดหาบุคคลมาพบแพทย์ ทำทีตรวจรักษากับแพทย์หญิงบรินดา เพื่อที่แพทย์หญิงบรินดา จะได้สั่งจ่ายยาให้กับผู้นั้น และ สั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ก่อนจะรวบรวมยาทั้งหมดแล้วนำไปขายตามคลินิค หรือ ร้านยาต่างๆ แล้วนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ พันเอกหญิง กัญญารัตน์ พบว่าในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท ขณะที่ความเสียหายจากการทุจริตดังกล่าว ขณะนี้มีการประเมินความเสียหายไว้อยู่ที่ 80 ล้านบาท โดยประมาณ
อย่างไรก็ตาม จากปฏิบัติการดังกล่าว เบื้องต้นขณะนี้มีรายแจ้งเข้ามาแล้วว่า ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว พันเอกหญิงกัญญารัตน์ และแพทย์หญิงบรินดา สองผู้ต้องคนสำคัญของขบวนการได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคุมตัวไปสอบปากคำยัง บก.ปปป.