23 มีนาคม 2568 พ.ต.อ.นพดล รักชาติ ผกก.ตม.จว.หนองคาย สั่งการให้ พ.ต.ท.ธนูศิลป์ ดวงแก้วงาม รอง ผกก.ตม.จว.หนองคาย และ พ.ต.ท.ธียาฌพัตท์ รังสิพรหมณกุล รอง ผกก.ตม.จว.หนองคาย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.หนองคาย
ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (กก.1 บก.สอท.3) และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย (กก.สส.ภ.จ.หนองคาย)
จับกุม นายลิขิต อายุ 24 ปี ผู้ต้องหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,โดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนโดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” หรือบัญชีม้าตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้
โดยจับกุมได้ที่ บ้านหลังหนึ่วใน หมู่ 3 ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย
การจับกุมครั้งนี้ จนท. สอท.3 สืบทราบมาว่า นายลิขิต อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้
สอบถามเบื้องต้นนายลิขิต ให้การปฏิเสธทุกอย่าง จนกระทั่งยอมจำนนต่อหลักฐาน ยอมรับว่าตนได้เปิดบัญชีธนาคาร 2 บัญชีแล้วขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง โดยขายให้บัญชีละ 5,000 บาท ได้เงินมา 10,000 บาท
จากนั้นเอเย่นได้พาเดินทางไปที่ไปปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อสแกนใบหน้าในการโอนเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนผ่านแอปธนาคาร ต่อมาเอเย่นแจ้งว่าบัญชีธนาคารของตนถูกอายัดหมดแล้ว ไม่มีใครใช้งานบัญชีของตนอีก
ตนจึงได้ตัดสินใจเดินทางข้ามกลับมาประเทศไทย และได้มาอาศัยอยู่กับยายที่ ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวๆ
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะได้ส่งตัวผู้ต้องให้กับพนักงานสอบสวน กก.4 สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป