svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เปิดคำพิพากษาฉบับละเอียด ศาลสั่งจำคุก "บาส สมรักษ์" เพราะเหตุนี้

23 มกราคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

เปิดคำพิพากษา ศาลขอนเเก่นสั่งจำคุก "บาส สมรักษ์" 2 ปี 13เดือน 10 วัน ชดใช้ความเสียหายกว่า 1.7 เเสนบาท คดีพยายามขืนใจเยาวชน อายุต่ำกว่า 18 ปี พฤติการณ์ร่องรอยบาดเเผลพบดีเอ็นเอมัดสู้ไม่หลุด

ศาลมีคำสั่งจำคุก "บาส สมรักษ์" หรือ นายสมรักษ์ คำสิงห์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก โดยเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2568 ที่ศาลจังหวัดขอนเเก่น ศาลอ่านคำพิพากษาคดีอาญาดำ ที่พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก และ นายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือ “เป๊กโก้” เพื่อนสนิทนายสมรักษ์ เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ตามลำดับ

ในความผิดฐาน ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ฐานร่วมกันพาบุคคลเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ร่วมกันพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, ฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ 
 

ระหว่างพิจารณา ศาลอนุญาต ผู้เสียหายที่ 2 ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ และโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 8 เเสนบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิด และผู้เสียหายที่1 โดยมารดาผู้เสียหายที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี 

เปิดคำพิพากษา หลักฐานแน่น

สำหรับความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ 

ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 1 เบิกความถึงพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1กระทำต่อผู้เสียหายที่ 1 ในห้องพักที่เกิดเหตุได้เป็นลำดับขั้นตอน เป็นเรื่องยากที่ผู้ซึ่งมิได้ประสบเหตุการณ์มาก่อนจะเบิกความได้เชื่อมโยงกัน 

เริ่มตั้งแต่เมื่อจำเลยที่ 1 พาผู้เสียหายที่ 1 เข้าห้องพัก โดยเปิดประตูและล็อกประตูจากนั้นจำเลยที่ 1 ลวนลามแต่ผู้เสียหายที่ 1 ขัดขืน แล้วจำเลยที่ 1 ใช้พละกำลำลังพยายามล่วงเกิน

หากผู้เสียหายที่ 1 มิได้ประสบเหตุการณ์จริง ผู้เสียหายย่อมไม่สามารถเบิกความได้เป็นลำดับ

นอกจากนั้นภายหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายที่ 1 กลับมาตั้งสติยังที่พักที่โรงแรมนีโอได้ปรึกษากับเพื่อนก็รีบเข้าแจ้งความแก่เจ้าพนักงานตำรวจในทันที

ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบบาดแผลที่อวัยวะเพศ แพทย์ลงความเห็นว่ามีระยะเวลาเกิดบาดแผลไม่เกิน 12 ชั่วโมงและมีบาดแผลใหม่ มีระยะเวลาเกิดบาดแผลไม่เกิน 6 ชั่วโมง พยานผู้เชี่ยวชาญเบิกความให้ความเห็นว่า อาจจะมีการล่วงล้ำ ละเมิดทางเพศ

อีกทั้งยังพบรหัสพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ของจำเลยที่ 1 ตามร่างกายและชุดชั้นใน สอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหายในชั้นสอบสวนว่า จำเลยที่ 1 พยายามขืนใจผู้เสียหาย แต่อวัยวะเพศไม่แข็งตัว จึงล่วงเกินภายนอก ผู้เสียหายที่ 1 ขัดขืน พลิกตัวหนี จากนั้นจำเลยที่ 1 จึงสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง

คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ 1 หลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน ในระยะเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ทำให้ไม่มีโอกาสบิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น

นอกจากนั้นพยานผู้เชี่ยวชาญไม่ยืนยันโดยให้ความเห็นว่า อาจจะมีการล่วงล้ำของอวัยวะหรือสิ่งอื่นใดทางช่องคลอด ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหายที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1

การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการพยายามกระทำชำเรา ผู้เสียหายที่ 1 แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากผู้เสียหายที่ 1 ดิ้นขัดขืน ทำให้จำเลยที่ 1 กระทำไม่สำเร็จ

นอกจากนี้ เกี่ยวกับร่องรอยความรุนแรงที่พบตามร่างกายผู้เสียหายที่ 1 แพทย์เบิกความยืนยันว่า พบรอยแดงที่เต้านมข้างขวาของผู้เสียหายที่ 1 เกิดจากการใช้แรงกดทับที่ไม่ใช่การจับธรรมดา ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของผู้เสียหาย เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม เชื่อว่ารอยแดงดังกล่าวเกิดจากการใช้แรงกดทับอย่างรุนแรง อันเป็นส่วนหนึ่งของการข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย 

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยจำเลย ไม่ได้ยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด และฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม

ความผิดฐานอนาจาร พรากผู้เยาว์

ส่วนความผิดฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายนั้น ได้ความว่าลวนลามผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายขัดขืน แล้วจำเลยพยายามกระทำชำเรา มิได้กระทำการอย่างอื่นต่อผู้เสียหาย จะถือว่าจำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายที่ 1 ด้วยหาได้ไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย

สำหรับความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุเกินกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิพาผู้เสียหายที่ ซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปยังห้องพักที่เกิดเหตุสองต่อสองเพื่อมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำเลยมีอายุ 50 ปีเศษ ส่วนผู้เสียยังเป็นนักเรียนมีอายุ 17 ปีเศษ 

การที่จำเลยพาผู้เสียหาย เข้าไปในห้องพักที่เกิดเหตุในโรงแรมเวลากลางดึก พฤติการณ์ดังกล่าวส่อเจตนาของว่ามีเจตนาไม่ดีมาแต่แรก ส่วนที่ต่อสู้ว่าเต็มใจเดินทางไปกับนั้น แต่ก็มิได้หมายความว่าผู้เสียหายเต็มใจมีเพศสัมพันธ์ด้วย

เมื่อข้อเท็จจริงข้างต้นฟังได้ว่า จำเลยพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำที่ไม่สมควรทางเพศ การกระทำของจำเลยที่1 จึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้ดูแลโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม   

ปัญหาว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย และฐานร่วมกันพาบุคคลเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารตามฟ้อง หรือไม่ 

ทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยที่2 พบผู้เสียหายที่ 1 ภายในร้านสุขสันต์ผับเป็นครั้งแรกมีโอกาสสนทนากันภายในผับ และลานจอดรถ โจทก์มีเพียงของผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความเกี่ยวกับการแจ้งอายุของของผู้เสียหายที่ 1แก่จำเลยที่ 1 เท่านั้น 

อีกทั้งปรากฏป้ายห้ามบุคคลอายุต่ำกว่า 20ปี เข้าใช้บริการที่หน้าประตูทางเข้าร้าน มีเจ้าหน้าที่ร้านตรวจสอบบัตรประชาชนของผู้ใช้บริการ น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าของผู้เสียหายที่ 1 มีอายุ 17 ปี จึงกระทำไปโดยมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด จะถือว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดโดยเจตนาไม่ได้

รายละเอียดค่าเสียหาย

สำหรับค่าเสียหายที่โจทก์ร่วมเรียกจากจำเลยทั้งสอง เห็นว่า แม้โจทก์ร่วมและผู้ร้องไม่มีหลักฐานใดมานำสืบแสดงให้เห็นว่าโจทก์ร่วมและผู้ร้องเสียค่าใช้จ่ายในรักษาพยาบาล เพราะได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจเป็นเงินเท่าใด

ผู้ร้องเป็นหญิงกำลังเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั้งเป็นนักดนตรีและนักกีฬาประจำโรงเรียนในจังหวัดขอนแก่น เป็นที่รู้จักของเพื่อนนักเรียน และครูอาจารย์เมื่อจำเลยที่ 1 ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้ร้อง ย่อมทำให้ผู้ร้องได้รับบาดเจ็บต่อทั้งทางร่างกาย จิตใจ เช่น มีบาดแผลอันเนื่องมาจากการถูกจำเลยล่วงละเมิดทางเพศตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผล และเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของผู้ร้อง โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ดูแลผู้ร้อง และผู้ร้องจึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 ได้ แต่การที่โจทก์ร่วมเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1และผู้ร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 เห็นว่าสูงเกินไป

เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ร่วมเป็นเงิน 5 หมื่นบาท กำหนดค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ร้องเป็นเงิน 2 หมื่นบาท ค่าทนทุกข์เวทนาเป็นเงิน 5 หมื่นบาท ค่าเสียหายต่อชื่อเสียงเป็นเงิน 5หมื่นบาท รวมเป็นเงินที่จำเลยที่ 1 ต้องชำระแก่โจทก์ร่วมเป็นเงิน 5 หมื่นบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อย และต้องชำระแก่ผู้ร้องเป็นเงิน 1.2 เเสนบาท

คำพิพากษาศาล

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 80, 283 ทวิ วรรคแรก, 319 วรรคหนึ่ง 

การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91

  • ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย จำคุก 2 ปี
  • ฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย และฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคหนึ่งซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี 8 เดือน 

ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย คงจำคุก 1 ปี 9 เดือน 10 วัน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 13 เดือน 10 วัน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก 

ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1ต่อจากโทษในคดีของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดนั้น คดีดังกล่าวศาลยังมิได้พิพากษา จึงให้ยกคำขอ

logoline
News Hub