16 มกราคม 2568 เมื่อเวลา 15.30 น. มีการเสวนาเพื่อถอดบทเรียนเสวนาหัวข้อ ‘ความจริง แตงโม ตายเพราะอะไร’ ภายหลังมีการจำลองเหตุการณ์มาครบถ้วนแล้ว โดยมีผู้ร่วมเสวนา 4 คนคือ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต , นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม , พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ นายเอกราช นามโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) และผู้ก่อตั้งบริษัท เบตเตอร์ ซอฟต์ จำกัด
ช่วงแรกของการเสวนา นายปานเทพ ได้แถลงตอบโต้การแถลงข่าวของ "ปอ ตนุภัทร" และ "แซน วิศาพัช" ว่า จากการทดสอบจำลองเหตุการณ์ ทำให้พบได้ว่า "ท้ายเรือไม่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการปัสสาวะสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นดารารวมถึงคนทั่วไป" และประเด็นแห่งคดีในชั้นศาล คือคำให้การของคุณแซน ที่เห็นคุณแตงโม ตกด้านซ้ายมือของกาบท้ายเรือ และคนบนเรือทั้งหมดเคยออกรายการเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ประกาศว่า ไม่เห็นการตก ไม่เห็นอะไรตกแล้วหายไปเลย ดังนั้นการพูดครั้งนั้นของคนบนเรือจึงเห็นว่า เป็นประเด็นแห่งคดี จึงไม่จำเป็นต้องจำลองไปตกในจุดอื่น หรือจะต้องไปจำลองเกาะเครื่องยนต์
ทั้งนี้ หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ก็ตรวจแล้วพบว่า 1.ไม่มีลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอของมนุษย์บนเครื่องยนต์ ทำให้ยุติได้เลยว่า ไม่มีใครเกาะท้ายเรือ 2.เบาะเรือท้ายสุด ไม่มีดีเอ็นเอของแตงโมและของแซน ทำให้เรื่องนี้มีพิรุธ ขัดแย้งกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
อีกทั้ง เมื่อเรือวิ่งไป หัวเรือจะเชิดขึ้น ท้ายเรือจะเอียงลง การจะเดินไปท้ายเรือหรือไปจุดอื่นก็ยาก ดังนั้นจะให้ไปกระโดดตกด้านหน้า หรือด้านอื่น ทำได้ยากมาก และการทดลองมีทั้งด้านท้ายเรือ และกาบซ้ายของท้ายเรือแล้ว
ซึ่งกรณีคุณแซน เคยบอกไว้เมื่อ 3 ปี ก่อนว่า ไม่เห็นอะไรเพราะไม่ได้ใส่คอนแท็กเลนส์ แต่คุณแซนกลับเล่นโทรศัพท์มือถือในช่วงกลาวคืน ซึ่งมีขนาดเล็ก ทำไมถึงมองเห็น ดังนั้นตนเองจึงมองว่า คำให้การของคุณแซนย้อนแย้งและมีพิรุธ
ส่วนการสวมชุด คุณแซน เองยิ่งมีข้อพิรุธ ที่อ้างว่า ไม่รู้ว่ามีเสื้อคลุมหรือไม่ ดังนั้นการจำลองเหตุการณ์จึงตัดสินใจให้นักแสดงทุกคนใส่เสื้อคลุม ตามภาพของศพที่ปรากฎ
ทั้งนี้ การจำลองเหตุการณ์ นอกจากนักแสดง 6 คนแล้ว หมอธวัชชัย ก็ได้ทดลองแบบลุกขึ้นยืน และทดลองจับบางอย่างทางซ้ายมือก่อนตกน้ำ ก็พบว่า ไม่โดนใบพักเรือ เช่นกัน ซึ่งเป็นการทดลองให้ครบทุกแบบตามข้อสงสัย ดังนั้น จากการทดลองดังกล่าวที่มีอาสาสมัคร จึงสรุปได้เลยว่า ตำแหน่งปัสสาวะที่อ้างมาตลอด 3 ปี ไม่เหมาะกับการปัสสาวะ ส่วนจะตกรูปแบบไหนก็ตาม ที่มีการกล่าวอ้างเป็นประเด็นแห่งคดี ไม่เกิดการดูดของใบพัดเรือ และไม่เกิดบาดแผลแม้แต่นิดเดียว
ซึ่งการแถลงข่าวของ คุณปอ กับสิ่งที่ได้ให้การกับศาล ตนมองว่า มีพิรุธแน่นอน เพราะคุณปอ เคยบอกว่าขับเรือไม่เคยเห็นอะไรเลย แต่การมาแถลงวันนี้ กลับบอกว่า เห็นแตงโมเกาะอยู่ข้างเครื่องยนต์เรือ 10 วินาที จึงมองว่า ต่างจากคำให้การต่อศาล และสำนวนคดีที่ให้การไว้กับตำรวจหรือไม่ และถ้าปอรู้ว่า มีการเกาะไว้ 10 วินาทีจริง ทำไมถึงไม่ช่วยคุณแตงโม สิ่งนี้จึงเป็นพิรุธที่มีการเปลี่ยนแปลงคำให้การตามที่ตนเองมอง
“การมาบอกว่า จะต้องจับเครื่องยนต์ และจับท้ายเรือ ผมเรียนให้ทราบว่า ไม่สามารถที่จะไปทดสอบตามอำเภอใจของใครได้ เพราะประเด็นแรก จะต้องพิสูจน์ประเด็นแห่งคดีที่ให้การต่อศาลและตำรวจ ว่าเป็นเท็จหรือไม่เท็จ ถ้าเป็นเท็จก็ต้องมีข้อเท็จจริงอื่น และถ้าให้มาเสนอแนะให้ทดลองท่านั้นท่านี้ ก็ให้ทำเอง”
ส่วนกรณีที่ทนายความ อ้างว่า การจะมาจำลองเหตุการณ์ ควรจะต้องขอคุณแม่แตงโมก่อนนั้น อาจารย์ ปานเทพ ยืนยันว่า หากจะขออนุญาต ควรที่จะขอพ่อแม่ของอาสาสมัครมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวกับคุณแม่ของคุณแตงโม เพราะถ้าเรื่องนี้เป็นอาญาแผ่นดินใครก็ร้องทุกข์ได้
ขณะที่ นายเอกราช บอกว่า วันนี้ได้นำข้อมูลข้อมูล GPS ของเรือลำนี้ ตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่ว่าการแถลงข่าวหรือการให้สัมภาษณ์ เราเห็นเพียง GPS บางส่วน รวมถึงการนำเรือไปเก็บสิ้นสุดที่อู่เรือ NBC แต่ยังมีความผิดปกติอีกไม่ต่ำกว่า 30 จุด ซึ่งข้อเท็จจริงที่ได้ขออนุญาตจากศาลฯ และนำมาเข้าโปรแกรม ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่มีข้อมูลนี้
นายเอกราช อธิบายข้อมูลหมายเลขลำดับเส้นทาง ที่ได้บันทึกข้อมูลไว้ ซึ่งเป็นวันเดือนปีและชั่วโมงเวลาที่เกิดขึ้นจริง วินาทีที่ใช้ในการเดินทาง และยังมีการบอกตำแหน่งต่างๆ ของการเดินทาง รวมไปถึงอุณหภูมิและความลึกของน้ำบริเวณนั้น ซึ่งใช้ตามมาตรฐานของโปรแกรมระดับโลก
ข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่เวลา 16:14 น. ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 จนถึงเวลา 04.03 น. ของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 มีข้อมูลทั้งหมดที่บันทึกได้ 6,351 ข้อมูล โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ใช้ซอฟต์แวร์และ AI มาช่วยตรวจสอบถึงความผิดปกติเรื่องของความลึกของน้ำที่หายไป 8 ตำแหน่ง ตรวจสอบจุดความเร็วเพิ่มขึ้นและลดลงในลักษณะกระชากไม่ใช่แค่เพียงจุดเดียวแต่มีถึง 11 ครั้งจากความเร็วมากกว่า 6 น็อต และยังมีความเร็วเรือมากกว่า 25 นอต ถึง 6 จุด
นอกจากนี้ นายเอกราช ยังแสดงภาพเส้นทางของการเดินเรือในวันนั้นจากจอภาพจะเห็นได้ว่า เส้นทางการเดินเรือมีการไขว้กันไปมายุ่งเหยิง โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 16:49 น. ที่เรือเคลื่อนออกจากอู่ NBC จากการสังเกต เป็นลักษณะการวอร์มเรือ โดยเส้นทางขึ้นไปทางเหนือเพื่อไปเติมน้ำมัน ตรงจุดนี้ในเวลา 17:01 น. เรือเทียบท่าเพื่อเติมน้ำมัน “แตงโมกับกระติก” ถ่ายรูปคู่กันบริเวณจุดนี้ จากนั้นเวลา 17:13 น. ”ปอ“โอนเงินจ่ายค่าน้ำมันแล้วขับกลับมาอู่จอดเรือ NBC เพื่อรับแซน สอดคล้องกับภาพที่แซนก็ถ่ายรูปที่บริเวณอู่เรือ โดยช่วงแรกยังไม่มีอะไรที่ผิดสังเกต แต่ความผิดปกติเริ่มจากตั้งแต่เรือกลับมาจากร้านอาหารบ้านตานิด
นายเอกราช บอกว่า ช่วงเวลาประมาณ 18:24 น. เรือมาจอดถึงร้านอาหารบ้านตานิด เพื่อรับรับประทาน และเรือออกจากร้านอีกทีในเวลา 20:08 น. จากนั้นเรือได้แล่นต่อเนื่องลงมาทางทิศใต้ โดยจะเริ่มมีจุดผิดปกติที่น่าสังเกตช่วงเวลาประมาณ 20:30 น. มีการถ่ายภาพของแตงโมบริเวณกลางแม่น้ำ ตามสัญญาณ GPS เรือจอด จากนั้นสัญญาณบริเวณจุดกลางแม่น้ำช่วงเวลาประมาณ 20:36 น. เรือหักหัว ช่วงนี้ความลึกน้ำหายไป (และไม่ได้อยู่ในไทม์ไลน์ที่ตำรวจแถลงข่าว)
โดยลักษณะเหมือนมีสิ่งของบางอย่างมาบดบังเซ็นเซอร์ สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเรือขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สามารถระบุความลึกได้ ซึ่งบริเวณนี้อยู่กลางแม่น้ำช่วง “ท่าเรือริเวอร์เดล” สอดคล้องกับที่มีคลิปที่แตงโมร้องเพลงและมีแสงสว่างจากทางด้านหลังปรากฏในคลิป
หลังจากนั้นไม่เห็นภาพแตงโมอีกเลย จนมาเห็นภาพแตงโมอีกครั้ง คือ รูปคู่ที่ถ่ายคู่กับกระติก ที่มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นการแต่งรูป โดยสัญญาณ GPS ปรากฎเรือแล่นต่อลงมาทางทิศใต้ตั้งแต่ช่วงเวลา 20:39 น. มีช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว ซึ่งจุดนั้นเรือวิ่งมาถึงบริเวณหน้าวัดค้างคาว เยื้องกลับท่าเรือพิบูลสงคราม นายเอกราชได้เปิดภาพจากสำนักข่าวช่องหนึ่งที่ได้มีการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ โดยใน GPS มีลักษณะมาวนบริเวณหน้าวัดค้างคาวประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ไม่ถูกพูดถึงเลยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
จากนั้นเรือได้แล่นต่อมาทางใต้ แล้วมาหยุดหันหัวเรือ ช่วงเวลาประมาณ 21:42 น. สอดคล้องกับที่มีข้อความเข้ามาหาอาจารย์ปานเทพบอกว่า “แตงโมเสียชีวิตเวลาประมาณ 22:45 น. ถึง 23:00 น. แตงโมตายแล้ว ตกน้ำ และขับวนหาโมมาเป็นชั่วโมงแล้วหาไม่เจอ” โดยช่วงนี้อาจารย์ปานเทพได้ขยายความอธิบายว่าข้อความนี้เป็นเพื่อนของแซนที่พยายามแจ้งบอกกับแอนนา
จากนั้น นายเอกราช อธิบายต่อว่า เรือวกหันหัว ก่อนจะมุ่งหน้าทางใต้ไปที่สะพาน พระราม 8 ช่วงเวลาประมาณ 21:56 น. เรือมาถึงสะพาน พระราม 8 และมีภาพกระติกถ่ายรูปคู่กับแตงโม (แต่ในภาพมีข้อสงสัยว่าการตัดต่อภาพแตงโมเข้ามา) จากนั้น 22:06 น. ตอนนี้หัวเรือหันหัวมุ่งไปทางเหนือ ในลักษณะจอดนิ่ง และเป็นภาพเดี่ยวกระติก แต่ในภาพในกล้องกระติกระบุเวลา 22:13 น. ซึ่งขัดแย้งกับสัญญาณ GPS อยู่เลยสะพานซังฮี้ไปแล้ว (จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าแก้เวลา) และกล้องวงจรปิดเวลา 22.18 น. เรือแล่นมาถึงบริเวณสะพานซังฮี้ แต่ในความจริงตามสัญญาณ GPS เรือผ่านสะพานซังฮี้ตั้งแต่ช่วง 22:11 น.
นอกจากนี้ยังมีการเปิดภาพ ตามเวลาจริงคือ 22:32 น. เป็นภาพที่ขยายออกมาจากกล้องวงจรปิด ซึ่งมีการวงกลมวัตถุในภาพโดยใส่หมายเลข 1-5 แต่วงกลมหมายเลข 6 ลักษณะเหมือนไม่มีเงาของวัตถุอยู่ในวงกลมนั้น โดยนายเอกราชอธิบายและให้สื่อมวลชนสังเกตหากมีวัตถุอยู่ในภาพจริงๆ เป็นลักษณะเงาดำดำ คือ บุคคลที่อยู่บนหัวเรือ 2 คนหลังพวงมาลัย 1 คน และกลางลำเรือ 2 คน ซึ่งจะปรากฏอยู่ทุกเฟรมของภาพเคลื่อนไหว และที่น่าสังเกต คือ มีบุคคลที่อยู่ท้ายเรือหรือมีวัตถุอยู่ท้ายเรือหรือไม่ โดยเปรียบเทียบให้เห็นในภาพทั้งกาบเรือซ้าย-ขวา และเบาะที่ตั้งขึ้น หากมีวัตถุที่นั่งอยู่ตรงนั้นกาบเรือด้านซ้าย ต้องถูกบดบัง เป็นข้อยืนยันว่าท้ายเรือไม่มีคนอยู่ ซึ่งวงจรปิดช่วงนี้ระบุบันทึกเวลา 22:32 น. เห็นได้ชัดเจนว่าแตงโมไม่อยู่บนเรือแล้ว พร้อมยืนยันว่าไม่มีการปรับแสงไม่มีการลดแสงเป็นภาพจากต้นฉบับเพื่อให้เห็น detail และต้นฉบับอย่างชัดเจน
นายเอกราชกล่าวต่อหลังจากบริเวณจุดใกล้กับท่าเรือพิบูลสงคราม ไปจนถึงช่วงเวลาที่คาดว่าจะเป็นช่วงที่แตงโมตก เรือตามสัญญาณ GPS ช่วงเวลา 23:00 น. เรือมีการจอดบริเวณท่าทราย ใกล้กับท่าเรือพิบูลสงคราม ซึ่งเป็นจุดที่นายอัจฉริยะไปเก็บตัวอย่างดินเพื่อส่งไปตรวจสอบ
จากตำแหน่งนี้ในเวลา 00.34 น. หลังจากเอาเรือไปเก็บแล้วได้มีการขับเรือออกมาที่บริเวณหน้าวัดค้างคาวอีกครั้ง โดยหัวเรือหันเข้าไปที่วัดค้างคาว และมีการชะลอความเร็วเรือเหลือประมาณ 2 นอต ก่อนเรือจะแล่นกลับไปที่อู่ NBC จากนั้นเวลา 01:58 น. ได้มีการสตาร์ทเรือออกไปเล่นมุ่งหน้าทางเหนือด้วยความเร็ว 36 นอต มาจอดที่บริเวณอู่แห่งหนึ่ง ก่อนมุ่งหน้ากลับด้วยความเร็วเท่าเดิมมาที่อู่เอ็นบีซี ในเวลา 02:12 น.
ก่อนมีการนำเรือออกอีกรอบในเวลา 02:20 น. ขับมาที่บริเวณวัดศาลาลี มาขับวนอยู่และขับต่อไปที่วัดค้างคาว โดยลักษณะขับวนที่บริเวณหน้าวัดค้างคาวอยู่พักใหญ่ และขับต่อเลยมาอีกนิดเป็นทางเดินริมน้ำใกล้กับวัดค้างคาวติดกับประตูระบายน้ำ โดยปล่อยเรือไหลโดยไม่มีความเร็วบริเวณนี้ โดยความลึกจุดนี้อยู่ที่ 16 เมตร จึงมีการตั้งคำถามว่า มีการทำอะไรบนเรือและขับมาที่จุดนี้เพราะสาเหตุใด จากนั้นในเวลา 04:03 น. ได้นำเรือกลับไปเก็บที่อู่ NBC และเรือไม่ถูกนำมาขับอีกเลย