svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ผบก.น.1 เผย "จ่าเอ็ม" ยังไม่ปริปากถึง "ผู้จ้างวาน-ผู้อยู่เบื้องหลัง"

ผบก.น.1 เผย "จ่าเอ็ม" ปากแข็งยังไม่ปริปากถึง "ผู้จ้างวาน-ผู้อยู่เบื้องหลัง" เตรียมสอบปากคำอีกบ่ายนี้ ขณะที่ตำรวจเรียกประชุมชุดสืบสวนขยายผลหาผู้ว่าจ้าง

ความคืบหน้าคดี "จ่าเอ็ม" ยิง นายลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา เสียชีวิต ช่วงเช้าวันนี้ ที่ สน.ชนะสงคราม ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการสอบปากคำอีกครั้งหลังจาก เมื่อคืนสอบปากคำจ่าเอ็มถึง4ทุ่ม และจ่าเอ็มมีท่าทีที่เคร่งเครียด ขอบุหรี่สูบตลอดทั้งคืน แต่ยังสามารถกินได้และนอนหลับ 

 

ผบก.น.1 เผย \"จ่าเอ็ม\" ยังไม่ปริปากถึง \"ผู้จ้างวาน-ผู้อยู่เบื้องหลัง\"

12 มกราคม 2568 พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) บอกว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำจ่าเอ็มตลอดทั้งคืน ซึ่งจ่าเอ็มมีท่าทีที่เคร่งเครียด แต่ยังคงให้การที่เป็นประโยชน์ในส่วนพฤติการณ์ของตนเอง จนสามารถทำคำรับสารภาพประกอบวิดิโอที่เล่าพฤติการณ์ในคดีอย่างละเอียดได้ครบถ้วน

 

 

ผบก.น.1 เผย \"จ่าเอ็ม\" ยังไม่ปริปากถึง \"ผู้จ้างวาน-ผู้อยู่เบื้องหลัง\"

 

 

 

โดยจ่าเอ็มยืนยันว่า เป็นบุคคลตามกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้ทั้งหมด 

 

 

แต่เมื่อสอบปากคำเชิงลึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลอื่น เช่น ผู้มีพระคุณหรือบุคคลผู้ชี้เป้า จ่าเอ็มยังไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากไม่ยอมตอบคำถามและต้องการสูบบุหรี่ แม้ว่าทางตำรวจพยายามที่จะใช้หลักจิตวิทยาในการพูดคุย

 

แต่จ่าเอ็มก็ยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลในเชิงลึก รวมทั้งยังมีอาการสับสนมึนงงว่าทำอะไรลงไปและมีท่าทีวิตกกังวลกลัวว่า บุคคลอื่นที่จะเอ็มให้การถึงนั้นจะเดือดร้อน 

 


ทำให้พนักงานสอบสวนต้องประเมินอาการร่วมกับทนายความและแพทย์ ลงความเห็นว่า จ่าเอ็มยังมีอาการอ่อนเพลีย อิดโรย และเคร่งเครียด เนื่องจากภาวะพักผ่อนน้อย จึงมีสภาวะที่ยังไม่พร้อมให้ปากคำ ทางพนักงานสอบสวนจึงหยุดการสอบปากคำในเวลา 4 ทุ่ม ก่อนคุมตัวเข้าห้องควบคุมตัว 

 

 

ผบก.น.1 เผย \"จ่าเอ็ม\" ยังไม่ปริปากถึง \"ผู้จ้างวาน-ผู้อยู่เบื้องหลัง\"

 

 

สอบปากคำจ่าเอ็มทั้งคืน

 

 


พล.ต.ต.อัฎธพร เผยต่อว่า สำหรับการควบคุมตัวจ่าเอ็มตลอดทั้งคืนนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งฝ่ายปราบปรามและสืบสวนเฝ้าบริเวณหน้าห้องควบคุมตัวตลอดทั้งคืน พร้อมทั้งได้จัดหาผ้าห่มให้เพราะ เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีอากาศหนาว

 

โดยจ่าเอ็มสามารถนอนหลับได้ตามปกติ ไม่มีท่าทีจะทำร้ายตัวเอง ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ตำรวจได้จัดโจ๊กเอาไว้เป็นมื้อเช้า ซึ่งก็สามารถรับประทานได้ตามปกติ 

 


ทั้งนี้ จากการประเมินท่าทีด้านจิตวิทยาของจ่าเอ็มนั้น เท่าที่มีการสอบถามพูดคุย จ่าเอ็มรู้สึกผ่อนคลายได้ระดับหนึ่งในเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะการนอนเมื่อคืนที่จ่าเอ็ม บอกกับตำรวจว่าสามารถนอนหลับได้อย่างเต็มที่โดยไร้ความวิตกกังวล เพราะเนื่องจากที่ผ่านมาจ่าเอ็มต้องนอนแปลกที่มาโดยตลอด 

 


และจ่าเอ็มยังมีอาการวิตกกังวลและไม่พร้อมที่จะเจอแม่และญาติ จึงเป็นเหตุทำให้จ่าเอ็มแจ้งความประสงค์ที่จะไม่ขอพบญาติ เพราะขนาดจ่าเอ็มเห็นข่าวในโทรทัศน์ที่แม่ของจ่าเอ็มตามไปพบลูกถึง จ.สระแก้ว บริเวณชายแดน จ่าเอ็มก็มีอาการเครียดเป็นอย่างมาก 

 


ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ที่แม่และครอบครัวของจ่าเอ็มมาขอเยี่ยมแต่ไม่สามารถเข้าพบได้นั้น ยืนยันว่า เป็นเพราะความต้องการของตัวจ่าเอ็มเอง ไม่ใช่เกิดจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกีดกันตามที่เป็นข่าว ทางตำรวจจึงต้องให้จ่าเอ็มต่อสายพูดคุยโดยตรงกับแม่ 


โดยจ่าเอ็มอธิบายให้แม่ฟังเพียงแค่ว่า ตนเองยังไม่พร้อมที่จะเจอ และบอกว่า ไม่ต้องการอะไรกับสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป พร้อมจะรับโทษในเรือนจำ ก่อนที่จ่าเอ็มจะตัดสาย เมื่อแม่ได้รับฟังเสียงของจ่าเอ็มก็เชื่อและยอมเดินทางกลับไปแต่โดยดี ส่วนจ่าเอ็มหลังวางสายจากแม่เสร็จ ก็ยังมีอาการเครียดและขอบุหรี่สูบทันที 


สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนในวันนี้นั้น ทางตำรวจจะประเมินอาการและดูท่าทีให้จ่าเอ็มผ่อนคลายในช่วงเช้าก่อน แล้วในช่วงบ่ายจะประเมินดูอีกครั้งว่าจ่าเอ็มพร้อมจะให้การกับพนักงานสอบสวนอีกครั้งหรือไม่ เพราะยอมรับว่า

 

ตอนนี้จ่าเอ็มยังให้การที่ไม่เป็นประโยชน์ในเรื่องของบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง แต่คำรับสารภาพของจ่าเอ็มถือเป็นพยานหลักฐานชั้นดีที่สามารถใช้ประกอบสำนวนคดีได้ แม้จ่าเอ็มจะไม่ประสงค์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็ตาม แ


ละยืนยันว่า ทางตำรวจได้ทำคดีนี้ตามกรอบของกฎหมายและเป็นไปตามรูปคดีอย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวนและสอบสวนจะทำการบ้านและเตรียมข้อมูลเพื่อสืบสวนหาบุคคลที่เป็นผู้มีพระคุณและอยู่เบื้องหลังของจ่าเอ็ม โดยเฉพาะข้อมูลจากโทรศัพท์ของจ่าเอ็ม เมื่อสามารถสืบสวนพิสูจน์ทราบได้แล้วว่าเป็นใคร ก็จะเรียกบุคคลนั้นมาสอบปากคำต่อไป 

 

 

เตรียมฝากขังจ่าเอ็ม

 

โดยในวันพรุ่งนี้ ทางตำรวจ สน.ชนะสงคราม จะนำตัวจ่าเอ็ม ส่งฝากขังต่อศาลอาญาในช่วงเช้า และทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งจ่าเอ็มได้แจ้งความประสงค์กับทนายความว่าจะไม่ยื่นประกันตัวและพร้อมเข้าสู่เรือนจำ เนื่องจากก่อนหน้านี้จากเอ็มก็เคยติดคุกมาแล้วหลายครั้ง 

 

ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ช่วงเช้าวันนี้ตำรวจเรียกประชุมชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อขยายผลหลังจ่าเอ็ม ยังไม่ให้การอะไรที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง โดยอ้างตลอดเวลาว่า กลัวครอบครัวและคนอื่นๆที่ใกล้ชิดจะเดือนร้อนเพราะจ่าเอ็ม จึงรับสารภาพทุกอย่างไว้คนเดียว

 


ส่วนกรณีการรับศพ นายลิม กิมยา อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา จากทางตำรวจ สน.ชนะสงคราม นั้นทางตำรวจได้ออกใบบันทึกประจำวันเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายลิม ให้กับภรรยานายลิม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

 

ขณะที่จากการตรวจสอบกับห้องนิรมัยหรือห้องรับศพ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่เก็บศพของนายลิม ได้ข้อมูลว่า หลังจากที่ภรรยาของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาติดต่อขอดูศพเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตอนนี้ทางภรรยาได้เดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยเพื่อให้ทางสถานเอกอัครราชทูตทำหนังสือรับรองตัวบุคคลผู้เสียชีวิตแล้ว แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างที่สถานเอกอัครราชทูตจะออกหนังสือดังกล่าว 

 


โดยตามขั้นตอนแล้ว เมื่อภรรยาได้หนังสือรับรองตัวบุคคลผู้เสียชีวิตจากสถานเอกอัครราชทูต ก็จะต้องนำมายื่นที่ห้องนิรมัย โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ร่วมกับใบบันทึกประจำวันของ สน.ชนะสงคราม แล้ว ทางห้องนิรมัยก็จะมอบหนังสือรับรองการตาย เพื่อให้ภรรยานำหนังสือดังกล่าวไปติดต่อขอใบมรณบัตรที่สำนักงานเขตพระนคร เพื่อให้นำใบมรณบัตรมาติดต่อขอรับศพต่อไป คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการรับศพในสัปดาห์หน้า 

 

 

ทั้งนี้มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ภรรยาของนายลิมจะนำศพไปทำพิธีทางศาสนาที่ประเทศฝรั่งเศส โดยจะนำกลับไปเป็นร่าง