“สืบนครบาล” ซ้อนแผนรวบ “ตั้มสถาปนิก” นักไถตังค์ นร.-นศ. ในตำนาน

3 มกราคม 2568 ตำรวจนครบาล โดยชุดสืบนครบาล (บก.สส.บช.น.) เปิดเผยการจับกุม "นายธรรมศักดิ์" หรือ “ตั้มสถาปนิก” อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ ในข้อหา “กรรโชกทรัพย์” ของศาลอาญามีนบุรี และข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์ของผู้อื่น” ของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ โดยจับกุมที่ ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร จ.กรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากจากหมายจับ 2 หมายแล้ว ตำรวจยังเชื่อว่า นายธรรมศักดิ์ ยังเคยก่อเหตุ "กรรโชกทรัพย์" และ "ฉ้อโกงทรัพย์" มาอีกนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผู้เสียหายไม่ได้เข้าแจ้งความ

สำหรับพฤติการณ์คือ “ใครเคยโดนโปรดแจ้ง” ตั้มสถาปนิก โคตรเกรียน “นักไถตัง” ตระเวนก่อเหตุมานับไม่ถ้วนทั่วไทย แผนประทุษกรรม จะเน้นพุ่งเป้าไปที่กลุ่มเยาวชน โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา ด้วยการเข้าไปพูดคุยทำทีว่า ตนเป็นสถาปนิก ออกแบบร้านกาแฟชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุรถล้ม เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ขอยืมโทรศัพท์ติดต่อญาติที่ จ.บุรีรัมย์ แต่เมื่อเหยื่อให้ยืมโทรศัพท์ คนร้ายจะทำทีโทรติดต่อใครไม่ได้ จากนั้นจะทำทีให้แอดไลน์ ให้ดูบัตรประชาชน ยืนยันว่า ตนไม่ใช่ขอทาน ไม่ใช่คนบ้า

ก่อนจะเชือดด้วยการ “ขอเงินกึ่งบังคับ” จากเหยื่อ ในจำนวนไม่มาก หลักร้อยถึงพันบาท จนเหยื่อหลายคนให้เงิน ล่าสุดไปแฝงตัวตระเวนก่อเหตุในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านลาดกระบัง มีการพัฒนารูปแบบการเชือด ด้วยการทำทีนำมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าตลอดเวลา เพื่อให้เหยื่อกลัวว่าเป็นอาวุธ จนมีเหยื่อนักเรียนโดนกันไปติด ๆ 3 ราย ในวันเดียวกัน จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.จรเข้น้อย

เมื่อเบาะแสมาที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ทำการตรวจสอบก็ต้องพบข้อมูลที่น่าตกใจ โดยพบว่า คนร้ายก่อเหตุลักษณะนี้มาตั้งแต่ห้วงปี 2565 ถึงปัจจุบัน และพบข้อมูลในโลกโซเชียลว่า มีคนตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยมูลค่าความเสียหายไม่มาก ส่วนใหญ่ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี

ชุดสืบนครบาล และ สน.จรเข้น้อย จึงร่วมกันสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งได้ออกหมายจับคนร้ายรายนี้คือ นายธรรมศักดิ์ หรือ ตั้ม แต่การติดตามจับกุมไม่ง่าย เพราะคนร้ายตระเวน “ร่อนเร่” เดินสายไถตังไปทั่วไทย ไม่มีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง กระทั่งชุดสืบสวนได้เบาะแสจากเด็กนักเรียนรายหนึ่ง ซึ่งถูกคนร้ายไถเงินไป 200 บาท ขณะที่นั่งรถไฟเดินทางไปในพื้นที่ภาคตะวันออก

พล.ต.ต.ธีรเดช จึงส่งชุดสารวัตรแจ๊ะ แกะรอยคนร้ายอยู่ 5 วัน พบคนร้ายกลับเข้ามาในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ และหายไปในมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรามคำแหง ชุดสืบสวนจึงแฝงตัวเป็นนักศึกษา ตระเวนหาคนร้าย กระทั่งไปพบชายต้องสงสัย นอนอยู่ริมข้างทางใกล้กับสวนจตุจักร แต่ด้วยสภาพคนร้ายไม่เหมือนในภาพที่ชุดสืบสวนมีข้อมูล จึงเข้าไปตรวจสอบด้วยกรรมวิธีซ้อนแผนสุดเกรียน โดยให้ผู้กองฟิล์มและหมวดป็อป ปลอมตัวเป็นนักศึกษา เมื่อหันหน้ามาจึงมั่นใจว่าเป็นคนร้าย จึงตะครุบรวบตัวได้ในที่สุด ซึ่งจากการขยายผลพบว่า มีการก่อเหตุลักษณะนี้มาเป็นจำนวนมาก วิเคราะห์ว่าทำเป็นประจำทุกวัน เชื่อว่าตลอด 2 ปีที่คนร้ายก่อเหตุมา คาดคนร้ายจะนำเงินที่ได้มาไปเล่นการพนันออนไลน์



 

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยให้การว่า “ตนเองไม่ได้กรรโชก แต่เป็นการขอเงิน ตนทำเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2565 เพราะว่าหางานทำไม่ได้ จึงทำเช่นนี้มาเรื่อยๆ และเมื่อประมาณปี 2566 ตนร่อนเร่ไปก่อเหตุที่ จ.เชียงใหม่ จนหวิดเกือบถูกรุมประชาทัน แต่รอดมาได้เพราะยอมคืนเงินให้กับผู้เสียหาย ล่าสุดวันนี้ได้มาก่อเหตุที่ถนนพญาไทได้เงินมา 800 บาท แต่นำไปเล่นพนันออนไลน์หมด เหลือเงินติดตัวเพียง 50 บาท โดยที่ชอบให้เหยื่อโอนเงินเข้าทรูมันนี่ เพราะจะนำไปเล่นพนันออนไลน์”

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การ และเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ได้เข้าแจ้งความ ทั้งนี้หากประชาชนผู้ใดที่ เคยถูกผู้ต้องหารายนี้ กรรโชกทรัพย์ หรือหลอกเอาทรัพย์สิน ด้วยวิธีการใดๆ สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่เพจสืบนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยหลังจับกุมขยายผล ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.จรเข้น้อย ดำเนินคดีต่อไป