เปิดสายสัมพันธ์ "โกทร" กับ "สจ.โต้ง" ก่อนเกิดเหตุสลดในบ้านใหญ่ปราจีนบุรี

จากกรณี "สจ.โต้ง" นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนรัวปลิดชีพในบ้านพักของ น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ โดยมีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ "สจ.โต้ง" เดินทางไปพูดคุยกับ "โกทร" นายสุนทร​ วิลาวัลย์​ นายกอบจ.ปราจีนบุรี​ แต่เกิดมีปากเสียงอย่างรุนแรง เป็นชนวนเหตุให้เกิดเหตุสลด "สจ.โต้ง" เสียชีวิตคาบันไดบ้าน

ต่อมา นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ถูกคุมตัวไปสอบสวนที่สภ.เมืองปราจีนบุรี พร้อมพวกรวม 7 คน ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้ 

เปิดความสัมพันธ์ "สจ.โต้ง" กับ "โกทร"
สำหรับ "โกทร" เมื่อเร็วๆนี้ตกเป็นจำเลยคดีรุกป่าเขาใหญ่ ซึ่งก็มี สจ.โต้ง ที่ถือเป็นคนสนิท เป็นถึง "บุตรบุญธรรม" คอยช่วยดูแลช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง โดย สจ.โต้ง ยังเป็นคนไปรับตัว นายสุนทร เข้ามอบตัวคดีดังกล่าวอีกด้วย

จนมามีกระแสข่าวว่า ปี 2568 นายสุนทร จะวางมือการเมือง สจ.โต้ง เลยคิดจะดันภรรยาลง นายกอบจ. แต่ต้องผ่านความเห็นชอบของ โกทร ก่อน ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้กลายเป็นชนวนเหตุสลดดังกล่าว
 

ทำความรู้จัก "สุนทร วิลาวัลย์"
นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2482 ที่อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เป็นบุตรของนายเงิน กับนางคำ วิลาวัลย์ สำเร็จการศึกษาสาขาบริหารธุรกิจ จากสถาบันราชภัฏสวนดุสิต เมื่อปี พ.ศ. 2543

สุนทร วิลาวัลย์ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2526 สังกัดพรรคชาติไทย ต่อมาย้ายไปสังกัดพรรคราษฎร ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2529 จากนั้นจึงย้ายกลับมาสังกัดพรรคชาติไทยตามเดิม

กระทั่งในปี พ.ศ. 2539 จึงย้ายมาสังกัดพรรคความหวังใหม่ และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ 

จากนั้นในปี พ.ศ. 2544 ได้เข้าร่วมงานกับพรรคไทยรักไทย และสนับสนุนให้นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม บุตรสาว ลงสมัครรับเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2550 เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคมัชฌิมาธิปไตย และได้รับเลือกตั้ง แต่ต่อมาถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง (ใบแดง) เนื่องจากกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 และเป็นเหตุให้ยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย

"โกทร" บ้านใหญ่ปราจีนบุรี
นายสุนทร ได้รับการขนานามว่าเป็น "บ้านใหญ่ของจังหวัดปราจีนบุรี" โดยเมื่อปี 2544 ได้เข้าร่วมงานกับพรรคไทยรักไทย และสนับสนุนให้นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ศรีจันทร์งาม (บุตรสาว) ลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2548 และต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนได้รับการขนานนามว่า "ครูโอ๊ะ"

ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปีในคดีบุกรุกป่าเขาใหญ่

ในปี 2563 นายสุทธร ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี แทนบังอร วิลาวัลย์ ผู้เป็นน้องสาว ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งในคดีทุจริตฮั้วประมูลโครงการของ อบจ.ปราจีนบุรี

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565 นายสุนทร ถูกออกหมายเรียกในคดีรุกพื้นที่ป่าบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขตจังหวัดปราจีนบุรี 

โดยนายสุนทร เปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2566 หลังศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 2 จ.ระยอง พิพากษายกฟ้อง คดีออกโฉนดรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พื้นที่ปราจีนบุรี โดยยืนยันว่าได้ที่ดินมาถูกต้อง มีหน่วยงานรัฐรู้เห็นทุกกระบวนการ และไม่คิดฟ้องกลับ ป.ป.ช.ในฐานะของประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายว่าจะให้ประชาชนทั่วประเทศมีที่ดินทำกิน มีสค. มีใบจอง หรือที่ไม่เข้ากับอุทยานฯ ป่าสงวน ก็มีสิทธิทำกิน และมีโฉนด

ประวัติ "สจ.โต้ง ชัยเมศร์"
"สจ.โต้ง" นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ เต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช สจ.ปราจีนบุรี หลายสมัย เป็นลูกบุญธรรมของ นายสุนทร​ วิลาวัลย์​ ในแวดวงมวยไทยนั้น รู้จักกันดีว่าค่ายมวยของ สจ.โต้ง มีชื่อชั้นไม่แพ้ค่ายใหญ่ในเมืองหลวง

ปี 2555 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.2 เปิดยุทธการปราจีนโมเดล นำกำลังตำรวจเข้าตรวจค้นจับกุมเป้าหมายเครือข่ายอิทธิพลใหญ่ที่สุดใน จ.ปราจีนบุรี โดย สจ.โต้ง ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฮั้วประมูล

ปี 2557 ศาลอาญายกฟ้อง คดี สจ.โต้ง กับพวกรวม 5 คน ฮั้วประมูลโครงการก่อสร้าง ชี้ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยขัดขวางการฮั้วประมูล

กระทั้งเมื่อปี 2563 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด บังอร วิลาวัลย์ อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี กับพวก 19 ราย ฮั้วประมูล 15 โครงการ และมีชื่อ สจ.โต้ง รวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย

แม้ไม่มีตำแหน่ง ส.อบจ.ปราจีนบุรี แต่ทุกวันนี้ สจ.โต้ง ก็ยังทำกิจกรรมในนามคณะผู้ใจบุญ และเป็นตัวแทนของโกทร คอยช่วยเหลือชาวบ้านผู้ตกทุกข์ได้ยากอย่างต่อเนื่อง