กรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายจับ ก่อนเข้าจับกุม "จ๊อบ-สามารถ เจนชัยจิตรวนิช" อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และอดีตประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย และ "นางวิลาวัลย์" แม่ของ นายสามารถ ในข้อหา "ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน" คดี "ดิไอคอน" ก่อนฝากขังศาลอาญา ต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวเฉพาะแม่ ส่วน "นายสามารถ" ไม่ให้ประกันตัว เพราะหวันยุุ่งพยานหลักฐาน เนื่องจากเคยมีตำแหน่งทางการเมือง และใกล้ชิดผู้มีอำนาจ ฯลฯ สุดท้ายส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.67
29 พฤศจิกายน 2567 "บิ๊กเต่า" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าทางคดีของ "นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช" ภายหลังจากเมื่อวานนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มเติมกับตำรวจสอบสวนกลาง เพราะถูก "นายสามารถ" ใช้อำนาจในการข่มขู่รีดทรัพย์
โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ผู้ประกอบการรายนี้ถูก "นายสามารถ" เรียกทรัพย์ ความเสียหายประมาณ 500,000 บาท ซึ่งตามคำให้การเสียหายรายนี้ บอกว่า ตัวเองถูกรังแก เนื่องจากประกอบธุรกิจขายตรง
แต่ "นายสามารถ" ไปมองว่าธุรกิจของเขานั้นเข้าข่ายมีความผิดและมีหลักฐานบางอย่าง และกลัวว่าจะเกิดความเสียกับธุรกิจจึงยินยอมจ่ายเงิน โดยจ่ายให้ไปเดือนละ 30,000 บาท เป็นเงินรวม 5 แสนบาท เหตุเกิดในช่วงปี 2563-2564
ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินเส้นนี้ พบว่าอยู่ในเส้นทางการเงินจำนวน 100 กว่าล้านบาท ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้สืบสวนไปก่อนหน้านี้
คดีนี้จะเป็นอีกหนึ่งคดีที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะต้อง ดำเนินคดีกับ "นายสามารถเอง" ในข้อหา "กรรโชกทรัพย์" อีกข้อหา
สำหรับเงินจำนวน 5 แสนบาท ถูกโอนไปยังบัญชีคนใกล้ชิด ซึ่งคนใกล้ชิดได้เข้ามาให้ข้อมูลไปแล้ว และบัญชีคนใกล้ชิดนี้ ยังโยงไปยังบริษัทหนึ่งที่กำลังมีปัญหาอยู่อีกหลายล้านบาท ส่วนจะเป็นบริษัทอะไรนั้น ยังไม่ขอเปิดเผย แต่คาดว่าคงจะฝีแตกเร็วๆนี้
ส่วนลักษณะของแผนปทุษกรรมในการเรียกรับเงิน 5 แสนนั้น
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า น่าจะอ้างเรื่องเทวดามาคุ้มครองดูแล หรือเทวดาเห็นอะไรผิดปกติก็เรียกมามอบตัว หรือไปข่มขู่เขา เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน เห็นเขาค้าขายแค่ 50-60% ไม่ใช่ 100% ก็ไปขู่บังคับเขาบีบเขา เขาไม่เต็มใจจะจ่ายให้ แต่ต้องยินยอม เพราะขู่ไปร้องไปแจ้ง
จึงเข้าข่าย "กรรโชกทรัพย์" และอ้างว่าต้องดูแลนะ เพราะเขาเองจะต้องไปดูแลคนอื่นด้วย อ้างทุกอย่างเพื่อให้ดูน่ากลัวและเป็นการคุ้มครอง
ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบไทม์ไลน์เวลา และเส้นทางการเงิน ว่าเงินจำนวนนี้ที่มีการเรียกรับ 5 แสนบาท อยู่ในช่วงการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เพราะหากเข้าข่ายการทุจริตก็จะเป็นข้อหาหนัก และการดำเนินคดีเรื่องนี้จะใช้เวลาไม่นาน เพราะหลักฐานเส้นทางการเงินชัดเจน เหลือแค่สอบพยานอีกไม่กี่ปากเท่านั้น
เมื่อถามว่าจะแจ้งข้อหา "นายสามารถ" สัปดาห์หน้าหรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ขอเวลาไม่นาน น่าจะเป็นอีกคดี ที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ให้ ส่วนจะมีผู้เสียหายที่ถูกรีดทรัพย์ในลักษณะนี้อีกหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากพบการกระทำความผิดก็จะเป็นต่างกรรมต่างวาระ
ส่วนกรณีเส้นทางการเงินของ "นายสามารถ" ที่พบว่า มีการเล่นการพนันนั้น
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ได้รับการยืนยันจากผู้ใกล้ชิดแล้วว่า "นายสามารถ" ชอบ "เล่นพนันฟุตบอล" มีได้มีเสียหลายสิบล้าน และชอบเล่นเยอะ เงินเฉพาะการพนันได้ก็กระมาณ 30-40 ล้านบาท เสียประมาณ 50 ล้านบาท ทั้งนี้จะต้องทำการตรวจสอบทุกช่องทางเงินเข้าออก เพื่อทำรายงานให้กับผู้บังคับบัญชา
จากการตรวจสอบพบว่า เงินที่มาจากการเรียกรับผลประโยชน์ของ "นายสามารถ" มีทั้งเอาไปเล่นการพนัน เอาไปใช้ส่วนตัว และไปทำอย่างอื่นอีกหลายอย่าง
ขณะนี้ตรวจสอบเห็นเส้นเงินประมาณ 30-40 ล้านบาท แต่ยอดเงินจริงๆมีเงินเข้ามาของ "นายสามารถ" กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งก็มีเงินมาจากทางอื่นด้วย
เพราะช่วงที่มีอำนาจ ก็ใช้อำนาจของตัวเองไปหลอกคนโน้นคนนี้ ในการช่วยเหลือเรื่องตำแหน่ง และเรื่องต่างๆ บางคนอาจจะโอนให้ แต่ไม่ได้ติดใจเพราะเป็นพรรคพวกกัน
ส่วนกรณีที่นายสามารถอ้างว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมและอดอาหารประท้วงนั้น
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เป็นเรื่องของผู้ต้องหา ส่วนตำรวจหรือดีเอสไอ มีหน้าที่ทำตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ดังนั้นหาก "นายสามารถ" บอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องไปสู้กันในศาล
เพราะตำรวจไม่สามารถตัดสินได้ว่าผิดหรือไม่ แต่สามารถที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายได้ตามพยานหลักฐานที่พบ ก็ขอให้สามารถเข้าใจในเหตุและผลด้วย
มองว่า การอดอาหารประท้วงไม่ใช่ทางเลือกที่จะไปเรียนแบบพวกอดข้าวประท้วง แต่นี่เป็นเรื่องของการกระทำความผิด ก็อยากให้ตั้งสติแล้วมาสู้กันด้วยพยานหลักฐานดีกว่า ถ้าท่านมีพยานหลักฐานก็สามารถรอดพ้นจากคดีต่างๆได้
"วันนี้ ตำรวจได้พยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งได้ประสานดีเอสไอ และจะเดินทางไปให้ข้อมูลดีเอสไอด้วย เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีฟอกเงิน ทั้งของดีเอสไอและเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของตำรวจ
ทั้งนี้คดีของนายสามารถ เชื่อว่า ยังไปได้อีกหลายคดี แต่ต้องค่อยๆคุยกับพยาน เพราะบางท่านยังไม่ได้ให้ความร่วมมือ" บิ๊กเต่า เผย