กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายจับก่อนเข้าจับกุม "จ๊อบ-สามารถ เจนชัยจิตรวนิช" อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และอดีตประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย และ "นางวิลาวัลย์" แม่ของ นายสามารถ ในข้อหา "ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน" คดี "ดิไอคอน" ก่อนฝากขังศาลอาญา ต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวเฉพาะแม่ ส่วน "นายสามารถ" ไม่ให้ประกันตัว เพราะหวั่นยุ่งพยานหลักฐาน เนื่องจากเคยมีตำแหน่งทางการเมือง และใกล้ชิดผู้มีอำนาจ ฯลฯ สุดท้ายส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.67
29 พฤศจิกายน 2567 ล่าสุด ร.อ.ธีรศานต์ แก้วสง หรือทนายเตย ทนายความ ของ "จ๊อบ-สามารถ เจนชัยจิตรวนิช" เดินทางเข้าเยี่ยมนายสามารถ ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยใช้เวลาเข้าเยี่ยมประมาณ 1ชั่วโมง
โดย ทนายเตย บอกว่า ตอนเข้าไปเยี่ยม เจ้าหน้าที่เข็นรถเข็นวีลแชร์ ออกมา หน้าซีดมาเลย ซึ่งอาการยังคงเหมือนกับเมื่อวาน แต่วันนี้มีภาวะน้ำตาลตก แพทย์ต้องให้จิบน้ำหวานตลอด แต่นายสามารถกินได้นิดหน่อย ส่วนอาหารและน้ำอื่นๆ นายสามารถยังคงอด ตามเจตนารมณ์อยู่
อยากให้ออกมารักษาตามสิทธิที่ซื้อประกันไว้ อยากให้ออกมารักษาที่ถูกต้อง และทีมทนายไม่อยากให้นายสามารถอดข้าวอดน้ำ เพราะร่างกายจะถดถอย แล้วก็จะทำงานลำบาก ซึ่งถ้าวิกฤตถึงเสียชีวิตก็ไม่เป็นผลดีอะไร
มองว่าการเรียกร้องความยุติธรรมควรต้องมีชีวิตเหลืออยู่ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม อยากให้นายสามารถทานข้าวทานน้ำเหมือนเดิม แต่ปัจจุบันก็ยังอดข้าวอดน้ำ เพราะนายสามารถยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเอง เขาก็ยังยืนยันว่ายอมตายในคุก
และการเรียกร้องความยุติธรรมของนายสามารถ ไม่ได้เรียกร้องเพื่อตัวเอง เพราะหลายคดี ศาลยังไม่ตัดสินแต่ไม่อนุญาตให้ประกันตัวและปัจจุบัน หลายคนสูญเสียไปหลายอย่างบางอย่าง และการเยียวยาไม่ได้เต็มที่อย่างมากวันละ 500 บาท ซึ่งเทียบไม่ได้กับมูลค่าที่เสียไป ซึ่งคดีแบบนี้มองว่า ถ้าได้ออกมาสู่คดีสุดท้ายคดีก็จะไวขึ้น
โดยในวันนี้ทีมทนายมีการไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาเพื่อยื่น คำร้องอุทธรณ์ขอปล่อยตัวชั่วคราวนายสามารถด้วย ซึ่งหลักฐานที่นำไปยื่นคือหลักฐานการคุยกับ ผอ.กองคดีฟอกเงินทางอาญา เป็นคลิปเสียงยืนยันไม่ได้หลบหนีและจะไปมอบตัว และประวัติการรักษา ส่วนหลักทรัพย์ในครั้งนี้ที่ยื่นจะใช้เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 1.2 ล้านบาท พร้อมขอศาลติดกำไล EM
ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีให้ "นายสามารถ" นั้น
ทนายเตย บอกว่า คดีฟอกเงินต้องไปดูความผิดมูลฐานก่อน อย่างคดีนี้คือแชร์ลูกโซ่ และมีการโอนเงินเข้ามาเพื่อปกปิดอำพรางจะเป็นเรื่องการฟอกเงิน แต่ต้องมีความผิดมูลฐานก่อน ส่วนการดำเนินคดีฟอกเงินต้องพิพากษาก่อนเลยหรือไม่นั้นก็คงไม่จำเป็นเพราะดำเนินคดีควบคู่กันไปได้ แต่วันนี้ความผิดมูลฐานมันยังไม่ชัด
ซึ่งวันนี้ที่ระบุว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะไปสอบ เจ้าหน้าที่รัฐ แล้วมาดำเนินคดีต่อ ซึ่งตนเองมองว่าเรื่องนี้ยังไม่ชัด ทั้งนี้แนวทางการต่อสู้ก็ต้องสู้ว่า ความผิดมูลฐานไม่ได้เป็นแชร์ลูกโซ่ เราไม่ได้ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เพราะทรัพย์สินบัญชีโดนอายัดหมดแล้ว จึงไม่มีเหตุอะไรไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานเลย
ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนอ้างเหตุผลว่าเป็นการหลบหนีนั้น
ทนายเตย ยืนยันว่า ไม่ได้หลบหนี ตามบันทึกการจับกุม ที่ สภ.แม่ยาว มีการระบุว่า เป็นการมอบตัว แต่ดีเอสไอกลับไปยื่นคำร้องฝากขังว่ามีพฤติกรรมหลบหนี และในการไปเชียงรายไปทำบุญจริงๆ มีพยาน มีอดีตข้าราขการ อดีตสส.ไปด้วยกัน พร้อมที่จะเป็นพยานยืนยัน และวัดห้วยปลากั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินแม่ฟ้าหลวง แค่ 9 กิโลเมตร
ส่วนที่บางสื่ออ้างว่า หนีไปทางเชียงของ
ทนายเตย เผยว่า ตนมองว่าเป็นการดิสเครดิตเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐเขามีการป้องกันตามแนวชายแดนอย่างแน่นหนา การจะออกชายแดนยากมาก เพราะพื้นที่เชียงรายเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่มีมาตรการเข้มเรื่องยาเสพติด ประกอบกับดีเอสไอไม่ได้มีหลักฐานว่า หลบหนีไปที่ไหน พอรู้ว่ามีหมายจับก็มอบตัวทันที
ส่วนการวางแผนที่ไปทำบุญที่เชียงรายเกิดขึ้นเมื่อไรนั้นตนเองไม่ทราบ แต่ตนเองได้รับการชักชวนก่อนหน้าที่จะเดินทาง 3-4 วันแต่ตนเองไม่ว่าง ส่วนวันจองตั๋วตนเองไม่ทราบ
ทั้งนี้ นายสามารถได้โทรมาชักชวนตัวเองไปทำบุญประมาณ 22-23 พ.ย.67 ถ้าตนเองตกลงก็จะจองตั๋วให้เลย แต่ตนเองไม่ว่าง และการเดินทางคือ เดินทางเช้าวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา และมองว่า การจองตั๋วช้าจองเร็วไม่ใช่ประเด็น
เพราะถ้าคนจะหลบหนีไม่ไปเชียงรายแน่นอน เพราะเชียงรายเป็นพื้นที่ควบคุมที่เข้มมาก และพื้นที่ติดชายแดนปีะกาศกฎอัยการศึก ถ้าทหารเห็นจับได้เลย และกล้องที่เขาตรวจจับถ้าจับได้ตรงนั้นก็ชัดเจนว่าหลบหนีแต่นี่อยู่วัดห้วยปลากั้ง
และในวันดังกล่าวนายสามารถ ก็ได้คุยกับ ผอ.กองคดีฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าทราบมีการออกหมายจับและยังมีการระบุในคลิปเสียงว่าจะเดินทางไปมอบตัว ซึ่งยืนเรื่องนี้มีบันทึกการสนทนา และพร้อมจะยื่นให้ศาลไต่สวนเพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวด้วย
ส่วนเรื่องไปทำบุญมีใบอนุโมทนาบัตรหรือไม่นั้น
ทนายเตย เผยว่า ก็ต้องไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน และยืนยันว่า มีใบอนุโมทนาบุตรก่อนหน้าที่เคยไปทำบุญวัดนี้หลายครั้ง
ส่วน "บอสพอล" โอนเงินทำบุญวัดนี้ด้วยหรือไม่
ทนายเตย กล่าวว่า ตนเองตอบไม่ได้ และต้องไปเทียบช่วงเวลาการโอนเงินก่อน
ประเด็นเรื่อง เอกสารการกู้ยืมเงินและการทำบุญระหว่างนายสามารถกับบอสพอล ที่เจ้าหน้าที่ดีเอสตรวจพบภายในบ้านพักของนายสามารถ ระบุวันที่ 12 พ.ย. 2567 ว่านายสามารถและบอสมีการคืนเงินที่ยืมกัน ชดใช้กันหมดแล้ว
ทนายเตย บอกว่า ประเด็นนี้ตนเองมองว่า ทางบอสพอล ให้เซ็นเพื่อไม่ให้เป็นการฟ้องร้องทางแพ่งต่อกันระหว่างบอสพอลและนายสามารถ ส่วนประเด็นดังกล่าวทางดีเอสไอ จะนำไปเป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน
เมื่อถามว่าการกู้ยืมเงิน ตั้งแต่ช่วงปี 2564 แต่ทำไมถึงมาเซ็นเมื่อ 12 พ.ย.ปี 67
ทนายบอกว่า ตนเองไม่ทราบว่าทำไม แต่ในกรณีแบบนี้ก็มีเยอะในกลุ่มเจ้าหนี้ลูกหนี้ ซึ่งหลายคนก็อาจจะมองและคิดแบบนั้น แต่ส่วนตนมองว่าเป็นการตัดอำนาจเรื่องของการฟ้องแพ่งระหว่างกัน อีกทั้งช่วงปี 2564 นายสามารถไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง
เพราะมีราชกิจจานุเบกษาให้นายสามารถออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ส่วน ที่อยู่ในสังกัดพลนั่นไม่ใช่ข้าราชการทางการเมือง เป็นเพียงสมาชิกพรรค
คดีฟอกเงิน มีเส้นเงินอยู่ 2.5 ล้าน แต่ความเสียหายที่ดีเอสไอตั้งไว้คือ 2,900 ล้าน ซึ่งหากดูปริมาณความเสียหายกับยอดเงิน เทียบกันไม่ได้เลย เพราะเจตนารมย์ของกฎหมายฟอกเงินคือ การรวบรวมเงินคืนผู้เสียหาย
จึงมองว่า การทำคดีนี้ไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ของกฎหมาย เพราะมานั่งวิ่งตามเงินเล็กๆ ทั้งที่เงินใหญ่ๆก็มี ถึงเวลาหากคดีจบตัดสินจริง ผู้เสียหายก็ไม่รับการเยียวย่
วันนี้แม่ของนายสามารถก็อยากให้สามารถกลับมากินข้าวกินน้ำเช่นกัน ส่วนนายสามารถวันนี้ไม่ได้ฝากอะไรถึงคุณแม่ แต่ก่อนหน้านี้ได้ฝากให้คุณแม่ลดการออกสื่อ ไม่งั้นต้องมานั่งทายกันอีกว่าแม่ใส่ชุดสีอะไร